ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

พระพุทธเจ้าเคยกำเนิดเป็นพญานาค
              พระพุทธเจ้าทรงแสดงอดีตนิทานว่าพระองค์เคยเกิดเป็นพญานาคดังที่ปรากฏในอรรถกถาจัมเปยยชาดก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม 3 ภาค 7   หน้า 185  พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่  ณ  พระเชตวันมหาวิหาร  ทรงปรารภอุโบสถกรรม ความว่า  ดูก่อนอุบาสกบาสิกาทั้งหลาย   การที่ท่านทั้งหลายอยู่รักษาอุโบสถกรรมเป็นความดี   โบราณกบัณฑิตทั้งหลาย    ละนาคสมบัติแล้ว     อยู่รักษาอุโบสถกรรมเหมือนกัน  อุบาสกอุบาสิกาเหล่านั้นทูลอาราธนา  จึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัสดังต่อไปนี้
               ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามว่า พระเจ้าอังคติราช เสวยราชสมบัติอยู่ในอังครัฐ    ราชธานี    ในระหว่างแคว้นอังคะและมคธะต่อกันมีแม่น้ำชื่อจัมปานที ได้มีนาคพิภพอยู่ใต้แม่น้ำจัมปานทีนั้น  พระยานาคราชชื่อว่าจัมเปยยะ ครองราชสมบัติในนาคพิภพนั้น (โดยปกติ  พระราชาแห่งแคว้นทั้งสอง   เป็นศัตรูกระทำยุทธชิงชัยแก่กันและกันเนือง ๆ ผลัดกันแพ้  ผลัดกันชนะ)   บางครั้งพระเจ้ามคธราช    ยึดแคว้นอังคะได้   บางครั้งพระเจ้าอังคราชยึดแคว้นมคธได้.
               อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้ามคธราช  กระทำยุทธนาการกับพระเจ้าอังคราชทรงปราชัยต่อยุทธสงคราม    เสด็จขึ้นม้าพระที่นั่งหลบหนีไป    ถึงฝั่งจัมปานทีพวกทหารพระเจ้าอังคราช  ติดตามไปทันเข้า   จึงทรงพระดำริว่าเราโดดน้ำตายเสียดีกว่าตายในเงื้อมมือของข้าศึกดังนี้แล้ว    จึงโจนลงสู่แม่น้ำพร้อมทั้งม้าพระที่นั่ง  ครั้งนั้นจัมเปยยนาคราชเนรมิตมณฑปแก้วไว้ภายในห้วงน้ำ
แวดล้อมด้วยบริวารเป็นอันมากดื่มมหาปานะอยู่ ม้าพระที่นั่งกับพระเจ้ามคธราชจมน้ำดิ่งลงไป เฉพาะพระพักตร์แห่งพระยานาคราช  พระยานาคราชเห็นพระราชาทรงเครื่องประดับตกแต่งก็บังเกิดความสิเนหา  จึงลุกจากอาสนะทูลว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์อย่าทรงหวาดกลัวเลย แล้วอัญเชิญให้พระราชาประทับนั่งบนบัลลังก์ของตน ทูลถามถึงเหตุที่ดำน้ำลงมา พระเจ้ามคธราชตรัสเล่าความตามเป็นจริง
               ลำดับนั้นจัมเปยยนาคราชปลอบโยนพระเจ้ามคธราชให้เบาพระทัยว่า  ข้าแต่พระมหาราชเจ้า   พระองค์อย่าทรงหวาดกลัวเลย   ข้าพระพุทธเจ้าจักช่วยจัดการให้พระองค์เป็นเจ้าของทั้งสองรัฐ   ดังนี้แล้วเสวยยศอันยิ่งใหญ่อยู่ 7 วัน ในวันที่ 8 จึงออกจากนาคพิภพพร้อมด้วยพระเจ้ามคธราช พระเจ้ามคธราชทรงจับพระเจ้าอังคราชได้ด้วยอานุภาพของพระยานาคราชแล้วตรัสสั่งให้สำเร็จโทษเสีย  เสวยราชสมบัติในสองรัฐสีมามณฑล  นับแต่นั้นมาความวิสาสะคุ้นเคยระหว่างพระเจ้ามคธราช  กับพระยานาคราชก็ได้กระชับมั่นคงยิ่งขึ้น  พระเจ้ามคธราชให้สร้างรัตนมณฑปขึ้นที่ฝั่งจัมปานที  แล้วเสด็จออกกระทำพลีกรรมแก่พระยานาคราชด้วยมหาบริจาคทุก ๆ ปี  แม้พระยานาคราชก็ออกจากนาคพิภพมารับพลีกรรมพร้อมด้วยมหาบริวาร   มหาชนพากันมาเฝ้าดูสมบัติของพระยานาคราช

               ในกาลนั้นพระบรมโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเข็ญใจไปที่ฝั่งน้ำพร้อมด้วยราชบริษัท  เห็นสมบัติของพระยานาคราชนั้นแล้ว   ก็เกิดโลภเจตนาปรารถนาจะได้สมบัตินั้นจึงทำบุญให้ทานรักษาศีล     พอจัมเปยยนาคราชทำกาลกิริยาไปได้ 7 วัน ก็จุติไปบังเกิดเหนือสิริไสยาสน์  ณ  ห้องอันมีสิริในปราสาทที่อยู่ของจัมเปยยนาคราชนั้น  สรีระร่างกายของพระบรมโพธิสัตว์ได้ปรากฏใหญ่โต มีวรรณะขาวราวกะพวงดอกมะลิสด  พระโพธิสัตว์เห็นดังนั้น ก็เกิดวิปฏิสาร  คิดไปว่า  อิสริยยศในฉกามาวจรสวรรค์ เป็นเสมือนข้าวเปลือกที่เขาโกยกองเก็บไว้ในฉาง ได้มีแก่เรา ด้วยผลแห่งกุศลที่เราทำไว้ เราสิกลับมาถือปฏิสนธิในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนี้  ประโยชน์อะไรที่เราจะมีชีวิตอยู่ดังนี้แล้วเกิดความคิดที่จะตาย  ลำดับนั้นนางนาคมาณวิกา  ชื่อว่าสุมนา เห็นพระมหาสัตว์นั้นแล้วดำริว่า    ชะรอยจักเป็นสัตว์ผู้มีอานุภาพมากมาเกิดแน่ดังนี้แล้วจึงให้สัญญาแก่นางนาคมาณวิกาทั้งหลาย    นางนาคมาณวิกาเหล่านั้นทั้งหมดต่างถือนานาดุริยสังคีต  มากระทำการบำเรอขับกล่อมพระมหาสัตว์   นาคพิภพที่สถิตของพระมหาสัตว์นั้น ได้ปรากฏเสมือนพิภพแห่งท้าวสักกเทวราช  มรณจิต (คือจิตที่คิดอยากตาย)  ของพระมหาสัตว์ก็ดับหายไป  พระมหาสัตว์เจ้าละเสียซึ่งสรีระของงู  ทรงประดับเครื่องสรรพาลังการประทับเหนือพระแท่นบรรทม  นับจำเดิมแต่นั้นมา พระอิสริยยศก็ปรากฏแก่พระมหาสัตว์เจ้ามากมาย

เมื่อนาคอยากเป็นมนุษย์จึงรักษาอุโบสถศีล  
               เมื่อพระมหาสัตว์เจ้าเสวยนาคราชสมบัติอยู่ในนาคพิภพนั้น    ในเวลาต่อมาก็เกิดวิปฏิสาร   คิดว่าประโยชน์อะไรด้วยกำเนิดดิรัจฉานนี้แก่เรา  เราจักอยู่รักษาอุโบสถกรรม  พ้นจากอัตภาพนี้ไปสู่ดินแดนมนุษย์    จักได้แทงตลอดสัจธรรม กระทำที่สุดแห่งทุกข์ดังนี้ นับจำเดิมแต่นั้น ก็ทรงรักษาอุโบสถกรรมอยู่ในปราสาทนั้นทีเดียว  พวกนางมาณวิกาตกแต่งกายงดงามพากันไปยังสำนักของพระมหาสัตว์นั้น  ศีลของพระมหาสัตว์ก็วิบัติทำลายอยู่เนือง ๆ
               จำเดิมแต่นั้นพระมหาสัตว์เจ้าจึงออกจากปราสาท ไปสู่พระอุทยาน  นางนาคมาณวิกาเหล่านั้นก็ติดตามไปแม้ในพระอุทยาน   อุโบสถศีลของพระมหาสัตว์ก็แตกทำลายอยู่ร่ำไป   ลำดับนั้น   พระมหาสัตว์เจ้าทรงจินตนาการว่าควรที่เราจะออกจากนาคพิภพนี้ไปยังมนุษยโลกอยู่รักษาอุโบสถ     นับแต่นั้นมาเมื่อถึงวันอุโบสถ  พระองค์ก็ออกจากนาคพิภพไปยังมนุษยโลก ทรงประกาศสละร่างกาย  ในทานว่า “ใครจะมีความต้องการอวัยวะของเรามีหนังเป็นต้นจงถือเอาเถิด   ใครต้องการจะทำให้เราเล่นกีฬางูก็จงกระทำเถิด”  แล้วคู้ขดขนดกายนอนรักษาอุโบสถอยู่ที่ยอดจอมปลวกใกล้มรรคาแถบปัจจันตชนบทแห่งหนึ่ง   ชนทั้งหลายเดินผ่านไปมา ในหนทางใหญ่เห็นพระโพธิสัตว์เจ้าแล้วพากันบูชาด้วยเครื่องสักการะมีของหอมเป็นต้นแล้วหลีกไป  ชาวปัจจันตชนบทไปพบแล้วคิดว่าคงจักเป็นนาคราชผู้มีมหิทธานุภาพ    จึงจัดทำมณฑปขึ้นเบื้องบน ช่วยกันเกลี่ยทรายรอบบริเวณ แล้วบูชาด้วยสักการะมีของหอมเป็นต้นจำเดิมแต่นั้นมา     มนุษย์ทั้งหลายก็เลื่อมใสในพระมหาสัตว์เจ้า  ทำการบูชาปรารถนาบุตรบ้าง  ปรารถนาธิดาบ้าง

               แม้พระมหาสัตว์เจ้าทรงรักษาอุโบสถกรรมถึงวันจาตุททสีและปัณณรสี  ดิถี 14 ค่ำ 15 ค่ำ ก็มานอนอยู่เหนือจอมปลวก   ต่อในวันปาฏิบทแรมค่ำหนึ่ง จึงกลับไปสู่นาคพิภพ  เมื่อพระมหาสัตว์เจ้ารักษาอุโบสถอยู่อย่างนี้เวลาล่วงไปเนิ่นนาน  อยู่มาวันหนึ่งนางสุมนาอัครมเหสีทูลถามพระมหาสัตว์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองค์เสด็จไปยังมนุษยโลกเข้าอยู่รักษาอุโบสถศีลนั้น  ความจริง มนุษยโลกน่ารังเกียจ มีภัยรอบด้าน หากว่าภัยจะพึงบังเกิดแก่พระองค์    เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกหม่อมฉันจะพึงรู้ได้ด้วยนิมิตอย่างไร ขอพระองค์จงตรัสบอกนิมิตอย่างนั้นแก่พวกหม่อมฉันด้วยเถิด  พระมหาสัตว์จึงนำนางสุมนาเทวีไปยังขอบสระมงคลโบกขรณีแล้วตรัสว่า   ดูก่อนพระนางผู้เจริญ ถ้าหากใคร ๆ จักประหารทำให้เราลำบากไซร้  น้ำในสระโบกขรณีนี้จักขุ่นมัว   ถ้าพญาครุฑจับเอาไปน้ำจักเดือดพลุ่งขึ้นมา   ถ้าหมองูจับเอาไปน้ำจักมีสีแดงเหมือนโลหิต  พระโพธิสัตว์ตรัสบอกนิมิต 3 ประการ   แก่นางสุมนาเทวีอย่างนี้แล้ว  ทรงอธิษฐานจาตุททสีอุโบสถเสด็จออกจากนาคพิภพไปมนุษยโลกนอนเหนือจอมปลวก ยังจอมปลวกให้งดงามด้วยรัศมีแห่งสรีรกาย แม้สรีรกายของพระมหาสัตว์นั้นก็ปรากฏขาวสะอาดผุดผาดดังพวงเงิน ท่อนพระเศียรเบื้องบนคล้ายคลุมไว้ด้วยผ้ากัมพลแดง 
               อนึ่งในชาดกนี้สรีรกายของพระโพธิสัตว์มีขนาดเท่าศีรษะคันไถ ในภูริทัตตชาดก  มีขนาดเท่าลำขา  ในสังขปาลชาดก  มีขนาดเท่าเรือโกลนลำหนึ่ง
             ในกาลครั้งนั้น มีมาณพชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งไปเมืองตักกศิลาเรียนอาลัมภายนมนต์    ในสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์  เดินทางกลับบ้านของตนโดยผ่านมรรคานั้นเห็นพระมหาสัตว์เจ้าแล้วคิดว่า เราจักจับงูนี้บังคับให้เล่นกีฬาในคามนิคมราชธานีทั้งหลายยังทรัพย์ให้เกิดขึ้น จึงหยิบทิพโอสถร่ายทิพมนต์ ไปยังสำนักของพระมหาสัตว์เจ้า จำเดิมแต่พระมหาสัตว์เจ้าสดับทิพมนต์แล้วเกิดอาการเหมือนซี่เหล็กร้อนยอนเข้าไปในพระกรรณทั้งสอง  เบื้องพระเศียรปวดร้าวราวกะถูกเหล็กสว่านไช    พระมหาสัตว์เจ้าทรงรำพึงว่านี่อย่างไรกันหนอจึงยกพระเศียรขึ้นจากวงภายในขนดแลไป    ได้เห็นหมองูแล้วดำริว่าพิษของเรามากมาย   ถ้าเราโกรธแล้วพ่นลมจมูกออกไป  สรีระของหมองูนี้จักย่อยแหลกไปเหมือนกองเถ้า    แต่เมื่อทำเช่นนั้นศีลของเราก็จักด่างพร้อย    เราจักไม่แลดูหมองูนั้น   ท้าวเธอจึงหลับพระเนตรทั้งสอง ทอดพระเศียรไว้ภายในขนด พราหมณ์หมองูเคี้ยวโอสถแล้วร่ายมนต์พ่นน้ำลาย  ลงที่สรีรกายของพระมหาสัตว์ด้วยอานุภาพแห่งโอสถและมนต์ เรือนร่างของพระมหาสัตว์ในที่ซึ่งถูกน้ำลายรดแล้ว ๆ ปรากฏเป็นเสมือนพองบวมขึ้น  ครั้งนั้นพราหมณ์หมองู    จึงฉุดหางพระมหาสัตว์ลากลงมาให้นอนเหยียดยาว บีบตัวด้วยไม้กีบแพะทำให้ทุพพลภาพ จับศีรษะให้มั่นแล้วบีบเค้น   พระมหาสัตว์จึงอ้าปากออก  ทีนั้นพราหมณ์หมองูจึงพ่นน้ำลายเข้าไปในปากของพระมหาสัตว์ แล้วจัดการพ่นโอสถและมนต์  ทำลายพระทนต์จนหลุดถอน  ปากของมหาสัตว์เต็มไปด้วยโลหิต   พระมหาสัตว์สู้อดกลั้นทุกขเวทนาเห็นปานนี้   เพราะกลัวศีลของตัวจะแตกทำลาย ทรงหลับพระเนตรนิ่งมิได้ทำการเหลียวมองดู    

               พราหมณ์หมองูคิดว่าเราจักทํานาคราชให้ทุพพลภาพ  จึงขึ้นเหยียบย่ำร่างกายของพระมหาสัตว์ตั้งแต่หางขึ้นไปคล้ายกับจะทำให้กระดูกแหลกละเอียดไป  แล้วม้วนพับอย่างผืนผ้า ขยี้กระดูกให้ขยายเช่นอย่างกลายเส้นด้ายให้กระจาย  จับหางทบทุบเช่นอย่างทุบผ้า   สกลสรีรกายของพระมหาสัตว์แปดเปื้อนไปด้วยโลหิต     พระมหาสัตว์นั้นสู้อดกลั้นมหาทุกขเวทนาไว้  ครั้นพราหมณ์หมองูรู้ว่าพระมหาสัตว์อ่อนกำลังลงแล้วจึงเอาเถาวัลย์มาถักทำเป็นกระโปรงใส่พระมหาสัตว์ลงไปในกระโปรงนั้นแล้วนำไปสู่ปัจจันตคามให้เล่นท่ามกลางมหาชน  พราหมณ์หมองูปรารถนาจะให้แสดงท่วงทีอย่างใด ๆ ในประเภทสีมีสีเขียวเป็นต้น  และสัณฐานทรวดทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นต้น  หรือขนาดเล็กใหญ่เป็นต้น  พระมหาสัตว์เจ้าก็กระทำท่วงทีนั้น ๆ ทุกอย่าง  ฟ้อนรำทำพังพานได้ตั้งร้อยอย่าง   พันอย่าง   มหาชนดูแล้วชอบใจ ให้ทรัพย์แก่พราหมณ์เป็นอันมาก  เพียงวันเดียวเท่านั้นได้ทรัพย์ตั้งพัน  และเครื่องบริขารราคานับเป็นพัน   แต่ชั้นแรกพราหมณ์หมองูคิดไว้ว่า    เราได้ทรัพย์สักพันหนึ่งแล้วก็จักปล่อยไป      แต่ครั้นได้ทรัพย์จำนวนเท่านั้นแล้วคิดเสียว่า  ในปัจจันตคามแห่งเดียวเรายังได้ทรัพย์ถึงขนาดนี้  ในสำนักพระราชาและมหาอำมาตย์  คงจักได้ทรัพย์มากมาย  จึงซื้อเกวียนเล่มหนึ่งกับยานสำหรับนั่งสบายเล่มหนึ่ง   บรรทุกของลงในเกวียนแล้วนั่งบนยานน้อยพร้อมด้วยบริวารเป็นอันมาก บังคับพระมหาสัตว์ให้เล่นในบ้านและนิคมเป็นต้นโดยลำดับไป    แล้วคิดว่าเราจักให้นาคราชเล่นถวายในสำนักของพระเจ้าอุคคเสนแล้วก็จักปล่อยดังนี้    แล้วก็เดินทางต่อไป    พราหมณ์หมองูฆ่ากบนำมาให้นาคราชกินเป็นอาหาร   
               นาคราชรำพึงว่าพราหมณ์หมองูนี้ฆ่ากบอยู่บ่อย ๆ เพราะอาศัยเราเป็นเหตุ   เราจักไม่บริโภคกบนั้น  แล้วไม่ยอมบริโภค   เมื่อพราหมณ์หมอดูรู้ดังนั้น  ได้ให้ข้าวตอกเคล้าน้ำผึ้งแก่พระมหาสัตว์   พระมหาสัตว์คิดว่าถ้าหากเราจักถือเอาอาหารนี้ไซร้   เราคงจักตายภายในกระโปรงเป็นมั่นคง  จึงมิได้บริโภคอาหารแม้เหล่านั้น  พราหมณ์หมองูไปถึงพระนครพาราณสีแล้ว    ให้พระมหาสัตว์เล่นให้คนดู    ที่ใกล้ประตูเมืองได้ทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก    แม้พระราชาก็ตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูเข้าเฝ้าแล้วตรัสว่าเจ้าจงให้งูเล่นให้เราดูบ้าง   เขาทูลสนองพระราชโองการว่าได้พะย่ะค่ะ  ข้าพระพุทธเจ้าจักให้เล่นถวายพระองค์  ในวันปัณณรสี พรุ่งนี้
               พระราชาตรัสสั่งให้พนักงานเภรีตีกลองประกาศว่า   พรุ่งนี้นาคราชจักฟ้อนรำที่หน้าชานชาลาหลวง  มหาชนจงมาประชุมกันดูเถิด  แล้วในวันรุ่งขึ้น  ตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งชานชาลาหลวง และตรัสสั่งให้พราหมณ์หมองูมาเฝ้า พราหมณ์หมองู นำพระมหาสัตว์มาด้วยกระโปรงแก้ว   ตั้งกระโปรงไว้ที่พื้นลาดอันวิจิตรนั่งคอยอยู่   ฝ่ายพระราชาเสด็จลงจากปราสาทแวดล้อมด้วยหมู่มหาชนประทับนั่งเหนือพระราชอาสน์   พราหมณ์หมองูนำพระมหาสัตว์ออกมาแล้วให้ฟ้อนรำถวาย  มหาชนพากันดีใจไม่อาจดำรงตนอยู่ได้ตามปกติ  พากันปรบมือ  โบกธงโบกผ้า    แสดงความรื่นเริงนับด้วยหมื่นแสน   ฝนรัตนะเจ็ดประการก็ตกลงมาตรงเบื้องบนพระโพธิสัตว์   เมื่อพระมหาสัตว์ถูกจับมานั้นครบหนึ่งเดือนเต็มบริบูรณ์  ตลอดเวลาเหล่านี้พระมหาสัตว์สู้ทนมิได้บริโภคอาหารเลย

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก