เริ่มต้นเดือนเมษายน ประเทศไทยอากาศร้อนมาก กว่าจะถึงวันสงกรานต์ หากไม่มีอะไรผิดพลาดอุณหภูมิคงทะลุสี่สิบองศา อยู่ที่ไหนก็ร้อนไม่ได้ร้อนแต่กายแต่ใจยังร้อนไปด้วย หากมีโอกาสเดินทางไกลไปยังประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นคงจะดี อีกอย่างช่วงนี้เป็นช่วงพักร้อน มีเวลาหยุดพักผ่อน หากมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศยังมีอีกหลายแห่งที่อยากไป แต่ทว่าด้วยเงื่อนไขและปัจจัยที่จะต้องใช้ในการเดินทาง ปีนี้จึงตัดสินใจไปนมัสการสังเวชนียสถานสี่ตำบลที่อินเดียและเนปาล
กำลังคิดอะไรเพลินๆก็มีเสียงโทรศัพท์จากเบอร์ที่คุ้นเคยปลายสายมาจากวัดอลาสก้าญาณวราราม สหรัฐอเมริกาถามข่าวเรื่องการาสอบบาลีว่าสอบได้หรือไม่ ปีนี้ดูตามรายชื่อแล้วไม่ปรากฏชื่อของพระมหาบุญไทย ในชั้นเปรียญธรรม 8 ประโยคอีกเหมือนทุกปี ปีนี้เป็นอันว่าสอบตกอีกครั้ง จำไม่ได้แล้วว่าสอบตกมากี่ปีแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไรยังถือคติในการเรียนอยู่เหมือนเดิมว่า “สอบตกเรียนใหม่ สอบได้เรียนต่อ” จากนั้นเพื่อนจากแดนไกลจึงถามถึงสภาพดินฟ้าอากาศของประเทศไทยว่าเป็นอย่างไร จึงบอกไปตามข้อเท็จจริงว่าร้อนครับร้อน เสียงจากปลายสายบอกว่าที่อลาสก้าหิมะกำลังตกขาวโพลนไปทั่วอาณาบริเวณ ที่นั่นกำลังหนาว โลกมนุษย์นี้ช่างยากจะเข้าใจจริงๆ ร้อนที่เมืองไทยแต่ทว่าหนาวที่อเมริกา รอโอกาสสักพักคงจะได้ไปเยือนสักครั้ง
มีสถานที่บางแห่งที่หากเคยเดินทางไปครั้งหนึ่งแล้ว เป็นอันจบกันไม่อยากไปอีก เพราะหากไปเมื่อไหร่ก็ต้องเดินบนเส้นทางสายเก่า ได้พบเห็นกับสิ่งเก่าๆ ผู้คนหน้าเดิมๆ สถานที่เหมือนเดิม ไปครั้งเดียวก็เพียงพอไม่จำเป็นต้องเดินทางให้เสียสตางค์และเวลาในการไปเยือน แต่มีสถานที่บางแห่งแม้จะเดินทางไปเยือนหลายครั้งแล้ว แต่ก็มักจะมีมุมมองใหม่ๆให้ได้สัมผัส เหมือนไปเยี่ยมบ้านเกิดที่แม้จะเดินทางไปปีละหลายครั้งก็ยังรู้สึกอบอุ่น เพราะสถานที่แห่งนั้นคือถิ่นกำเนิด คนเราเกิดและเติบโตที่ไหนมักจะมีความผูกพันกับสถานที่แห่งนั้นไม่มากก็น้อย
อินเดียเป็นอีกดินแดนหนึ่งที่แม้จะเดินทางไปหลายครั้งแล้วแต่หากเมื่อใดมีคนชวนก็มักจะรับปากเขาทุกที ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อยังอยากไปอีก เพราะอินเดียมีสถานที่ที่ชาวพุทธควรเดินทางไปสักการะที่เรียกว่าสังเวชนียสถาน อันเป็นถานที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า แม้จะเดินทางไปหลายครั้งแต่ก็ยังอยากไป เพราะทุกครั้งที่ได้ไปเยือนยังสถานที่จริงเหมือนได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
ในสมัยพุทธกาลก่อนที่พระพุทธองค์ใกล้จะปรินิพพาน พระอานนท์ได้แสดงความอาลัยต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าว่าเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้วจะไม่ได้เห็น ไม่ได้เข้าไปนั่งใกล้พระพุทธเจ้าแล้วดังข้อความที่ปรากฎในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค (10/131/113) ความว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อก่อน พวกภิกษุผู้อยู่จำพรรษาในทิศทั้งหลายย่อมมาเพื่อเฝ้าพระตถาคต พวกข้าพระองค์ย่อมได้เห็น ได้เข้าไปนั่งใกล้ภิกษุเหล่านั้นผู้ให้เจริญใจ ก็โดยกาลล่วงไปแห่งพระผู้มีพระภาค พวกข้าพระองค์จักไม่ได้เห็น ไม่ได้เข้าไปนั่งใกล้ พวกภิกษุผู้ให้เจริญใจ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้แสดงสังเวชนียสถานสี่ตำบลว่าหากพุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสได้ไปนมัสการจะได้ไปสวรรค์ดังข้อความว่า “ดูกรอานนท์ สังเวชนียสถานสี่แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา สังเวชนียสถานสี่แห่งคือ (1) สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้ (2)สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ (3) สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตามระลึกว่า พระตถาคตทรงยังอนุตตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ (4) สังเวชนียสถานอันเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยมาตาม ระลึกว่า พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ในที่นี้
สังเวชนียสถาน 4 แห่งนี้แล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา ดูกรอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา จักมาด้วยความเชื่อว่าพระตถาคตประสูติในที่นี้ก็ดี พระตถาคตตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ก็ดี พระตถาคตทรงยังอนุตรธรรมจักรให้เป็นไปในที่นี้ก็ดี พระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ก็ดี ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เที่ยวจาริกไปยังเจดีย์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จักทำกาละลง ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์”
คำว่า “สถานที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา” ในอดีตกับสภาพที่ปรากฎในปัจจุบันมีอยู่จริง แม้จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ยังเป็นสถานที่ที่ควรไปสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิตของชาวพุทธ หรือหากจะเดินทางไปหลายครั้งก็ไม่เป็นไรยิ่งไปยิ่งมีความรู้สึกว่าได้เข้าใกล้พระพุทธเจ้าทุกครั้ง
สรุปว่าสถานที่ทั้งสี่แห่งคือสถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนาและสถานที่ปรินิพพาน ทุกแห่งมีอยู่จริงและมีอนุสรณ์สถานให้เป็นที่ระลึกถึง ผู้เขียนเองแม้จะเคยเดินทางไปหลายครั้งแล้ว แต่หากมีคนเชิญก็ยังอยากไป เพราะไปเมื่อไหร่ก็เหมือนได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับทุกครั้ง
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดโครงการส่งเสริมพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถานสี่ตำบลที่ประเทศอินเดีย เนปาล และได้นิมนต์หลวงตาไซเบอร์ฯ เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนาราม ให้ร่วมเดินทางไปในโครงการนี้ด้วยในช่วงวันที่ 3-12 มีนาคม 2556 กลับมาทันสงกรานต์พอดี ได้เวลาออกเดินทางไปนมัสการสังเวชานียสถานอีกครั้งแล้ว ต้องขอกล่าวคำว่า “นมัสเต อินเดีย” ดินแดนที่ได้ชื่อว่าถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
3/04/56