เรื่องบางเรื่องบางคนมองว่าไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่บางคนมองว่าเรื่องเดียวกันนั้นคือปัญหาต้องหาทางแก้ไข เหตุบางอย่างเป็นผลดีสำหรับคนบางกลุ่มหรือบางคน แต่เหตุเดียวกันนั้นเป็นร้ายของอีกคนกลุ่มหนึ่ง นั่นเพราะเหตุนั้นต่างคนต่างมอง จึงมองเห็นคนละมุม เมื่อตั้งต้นของการมองปัญหาต่างกัน วิธีแก้ปัญหาจึงต่างกันไปด้วย แต่ถ้านั่งลงหันหน้าเข้าหากันปรึกษาหารือกันย่อมสามารถพิจารณาหาแนวทางในการแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น แทนที่จะเป็นต่างคนต่างแก้ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหมือนกลุ่มด้ายที่พันกันจนยุ่งที่หาต้นและปลายไม่พบ
หลวงตาไซเบอร์ฯเลี้ยงแมวไว้หลายตัว อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยง แต่แมวเหล่านั้นมาขอเศษอาหารกินพอกินอิ่มนอนหลับอยู่สบาย เลยยึดกุฏิพระเป็นที่พักถาวร แรกๆก็มีเพียงตัวเดียว แต่ต่อมาอีกไม่นานก็มีเพื่อนฝูงมาเรื่อยๆ แมวตัวเมียก็ตกลูกปีละสองครั้งๆครั้งละสองสามตัว พออยู่ไปสักพักกุฏิเลยกลายเป็นที่อยู่ของพระและแมว พวกเขาได้กินอาหารและวิ่งเล่นอย่าเพลิดเพลิน กาลเป็นไปดั่งนี้มานานไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แต่เรื่องที่มองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอาจจะกลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ วันหนึ่งมีอุบาสิกาท่านหนึ่งปรารภให้ฟังว่า “การเลี้ยงแมวเป็นการดีเป็นการแสดงออกถึงความมีเมตตา เมื่อสัตว์มาอาศัยก็เลี้ยงดูตามสมควร แต่การเลี้ยงแมวต้องรู้จักวิธีจัดการกับแมว เพราะแมวเป็นสัตว์ซุกซนอยู่นิ่งไม่ค่อยได้ มักจะกัดนั่นกัดนี้ สิ่งของบางอย่างเช่นเก้าอีนวม โซฟาหากรักษาไม่ดีอาจจะถูกแมวข่วนหรือกัดขาดได้ น่าเสียดายที่ญาติโยมซื้อมาด้วยเงินหลายพันบาทต้องมาเสียหายเพราะแมวเพียงไม่กี่ตัว อีกอย่างแมวมักจะถ่ายอุจจาระไม่เลือกที่ โดยเฉพาะตามซอกของศาลาการเปรียญ บางครั้งส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้มาทำบุญ”
ฟังคำปรารภของอุบาสิกาท่านนั้นแล้วก็มาพิจารณาว่าสาเหตุมาจากแมวที่หลวงตาฯเลี้ยงไว้หรืออย่างไร วันหนึ่งมีคนมาทำความสะอาดโรงเรียนพระปริยัติธรรมซึ่งปรกติใช้เป็นห้องปฏิบัติธรรม ติดเครื่องปรับอากาศอย่างดี แต่ปิดไว้จะใช้เฉพาะในเวลาที่มีงานหรือหากมีพระสงฆ์อาคันตุกะจากที่อื่นมาพักก็จะเปิดให้พักได้
คล้อยหลังอุบาสิกาท่านนั้นไปไม่นานก็มีอุบาสิกาอีกท่านหนึ่งเข้ามาหาและถวายอาหาร จากนั้นก็นำอาหารแมวมาถวายด้วยก่อนจะบอกว่า “ฝากหลวงตาฯช่วยเลี้ยงดูแมวเหล่านั้นด้วย พวกเขาคงไม่มีที่ไป น่าสงสาร บางตัวกำลังป่วยแต่ก็ยังถูกเจ้าของเดิมนำมาปล่อยทิ้ง โยมจะหาอาหารมาให้ท่านเลี้ยวแมว ขออย่าได้ทอดทิ้งพวกเขาไปเลย หากออกจากวัดแล้วคงไม่มีที่จะให้ไปได้อีก”
อุบาสิกาสองคนมีความเห็นไปคนละทาง คนหนึ่งบอกไม่ควรเลี้ยงแมว แต่อีกคนหนึ่งสนับสนุนให้เลี้ยงต่อไป จะทำให้ถูกใจของทั้งสองฝ่ายคงทำได้ยาก มนุษย์เรามักจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน แม้จะมาจากสาเหตุเดียวกันแต่หากมองคนละมุมก็จะเห็นคนละอย่าง คนหนึ่งมองว่าเป็นผลดี แต่อีกคนหนึ่งมองว่าเป็นผลร้าย ในพระพุทธศาสนามีภาษิตอยู่บทหนึ่งในอสิลักขณชาดก ขุททกนิกาย ชาดก (27/126/39) ความว่า “เหตุอย่างเดียวกันนั้นแหละ เป็นผลดีแก่คนหนึ่ง แต่เป็นผลร้ายแก่อีกคนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้นเหตุอย่างเดียวกันมิใช่ว่าจะเป็นผลดีไปทั้งหมด และมิใช่ว่าจะเป็นผลร้ายไปทั้งหมด”
ในร้ายอาจจะมีดี และในดีอาจจะมีร้ายแฝงอยู่ก็ได้ สุภาษิตไทยบอกไว้ว่า “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย” การมองของแต่ละคนแม้จะมองสิ่งเดียวกันแต่อาจจะเห็นไม่เหมือนกัน การมองคนละมุมแม้จะมีความเห็นต่างแต่หากยอมรับความคิดเห็นของกันและกันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะการที่จะทำให้คนทั้งโลกเห็นอย่างเดียวกันนั้นยากแท้จะเสาะหา
เย็นวันหนึ่งหลวงตาไซเบอร์ฯกลับจากทำงานที่ศาลายา นครปฐมก็ได้เรื่อง สามเณรรูปหนึ่งบอกว่า “โยมฝากบอกให้หลวงตาฯเลิกเลี้ยงแมว เพราะมันถ่ายอุจจาระไว้ในศาลาการเปรียญและห้องปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก มีกลิ่นเหม็นมาก” สามเณรอีกรูปหนึ่งบอกว่า “โยมฝากอาหารแมวมาให้หลวงตาฯ” สองความเห็นสองแนวทางเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน เดินขึ้นกุฏิในมือยังมีอาหารแมวทั้งแมวเล็กแมวใหญ่นั่งรอหน้าสะลอน สังเกตเห็นว่ามีแมวตัวเล็กๆเพิ่มขึ้นสามตัว คงมีคนนำมาปล่อย แมวเหล่านั้นกำลังหิว ส่งเสียงร้องเหมือนกำลังขออาหาร ถ้อยคำของสามเณรที่บอกว่า “ให้เลิกเลี้ยงแมว เพราะแมรบกวนคนอื่นๆ และอีกคนว่า ”ฝากอาหารช่วยเลี้ยวแมวด้วย” ยังก้องอยู่ในหู แมวตัวเล็กๆถ่ายอุจจาระต่อหน้าต่อตา จะโกรธหรือก็ใช่เหตุ เพราะแมวเหล่านั้นคงมาใหม่ยังไม่รู้จักว่าจะถ่ายที่ไหน น่าจะมีห้องน้ำพิเศษสำหรับแมว
คิดอะไรเล่นเพลินๆแมวเหล่านั้นยังนั่งจ้องหน้าเหมือนกำลังจะถามว่าเมื่อไหร่จะให้อาหารซะที ถ้าเลิกให้วันนี้และไม่ให้อาหารในวันต่อๆไปแมวก็คงไม่อยู่ จึงตัดสินใจให้อาหารแมว ดูพวกเขากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็ต้องเลิกความคิดว่า “เลี้ยงต่อไป แต่จะพยายามทำห้องน้ำให้พวกมันได้ถ่ายเป็นที่เป็นทาง”
เหตุอย่างเดียวกันยืนอยู่คนละมุมจึงมองเห็นไม่เหมือนกัน คนหนึ่งมองว่าเป็นผลร้าย แต่อีกคนมองว่าเป็นผลดี ดีหรือร้ายอยู่ที่การมองการแต่ละคน หลวงตาไซเบอร์ฯตัดสินใจยืนอยู่ระหว่างกลางจึงได้เห็นทั้งผลดีและผลร้ายในเวลาเดียวกัน โลกนี้ไม่มีอะไรดีหรือร้ายโดยส่วนเดียว ย่อมมีทั้งดีและและร้ายคละเคล้ากันไป หากเมื่อใดมีเรื่องดีมากกว่าร้ายโลกก็สงบ แต่หากมีเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี โลกนี้ก็วุ่นวาย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
12/03/56