วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 08.00 น. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับมนตรี และเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เดินทางมาร่วมงานปฐมนิเทศการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)รุ่นที่ 19/2556 ภาคศึกษาดูงานและนมัสการสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย ณ สถาบันฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต) วัดพระศรีมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร
พระธรรมเมธาจารย์ รองประธานกรรมการบริหาร สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมทูต) พระธรรมปาโมกข์ ประธานกรรมการคณะอนุกรรมการในการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานและนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุกรรมการบริหารสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมทูต) พระเทพวิมลญาณ กรรมการคณะอนุกรรมการในการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานฯ พระครูปลัดวิริยวัฒน์ (อ.อารยวังโส) กรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการในการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานฯ พร้อมด้วยพระเถรานุเถระ พระธรรมทูตพร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนให้การต้อนรับ
พระธรรมเมธาจารย์ รองประธานกรรมการบริหารสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมทูต) ประธานฝ่ายสงฆ์ได้เปิดการปฐมนิเทศสรุปได้ว่า “โครงการการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานและนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย เป็นโครงการที่มีมาตั้งแต่สมัยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (ประจวบ กันตาจาโร) อดีตประธานกรรมการบริหารสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมทูต) ที่ต้องการให้มีการฝึกอบรมและศึกษาดูงานในถิ่นพุทธภูมิ แต่มาประสบความสำเร็จจนสามารถดำเนินการได้ในยุคนี้โดยการให้การสนับสนุนจากเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี ประธานกรรมการบริหารสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมทูต) องค์ปัจจุบัน อีกอย่างรัฐบาลก็ให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนในการฝึกอบรมพระธรรมทูตในครั้งนี้ ขออนุโมทนากับท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในการปฐมนิเทศในครั้งนี้”
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับมนตรีได้ถวายความรู้แด่พระภิกษุผู้เข้ารับพระฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)รุ่นที่ 19/2556 สรุปความว่า “รัฐบาลในสมัยปัจจุบันได้เล็งเห็นความสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในประเทศและต่างประเทศ และพร้อมที่จะให้งบประมาณการสนับสนุนให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางไปนมัสการสังเวชนียสถานทั้งสี่ตำบลในประเทศอินเดียและเนปาล ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หากได้สัมผัสกับสถานที่จริงในอดีตก็จะได้ศึกษาถึงความเกี่ยวโยงถึงปัจจุบัน ขอให้ฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศจงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเดินทางอย่างเต็มความสามารถ จะได้เข้าใจสถานการณ์พระพุทธศาสนาโดยเชื่อมโยงจากอดีตถึงปัจจุบัน”
H.E.Mr. Anil Wadhwa เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ได้เดินทางมาร่วมงานและได้ถวายข้อคิดเห็นกับผู้เข้รับการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศฯ สรุปความว่า “ในนามรัฐบาลอินเดียยินดีต้อนรับพระธรรมทูตจากประเทศไทยที่จะเดินทางไปฝึกอบรมที่สังเวชนียสถานในครั้งนี้ รัฐบาลอินเดียยินดีต้อนรับและพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้พระธรรมทูตได้ฝึกปฏิบัติในสถานที่จริง ปัจจุบันมีเที่ยวบินเดินทางระหว่างประเทศไทยและอินเดียมากว่า 150 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ซึ่งสามรถต้อนรับพุทธศาสนิกชนผู้เดินทางจาริกแสวงบุญปีละมากกว่าหนึ่งล้านคนซึ่งมีทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ประเทศอินเดียยังสนับสนุนการศึกษาแก่พระสงฆ์ไทยในแต่ละปีมีทุนการศึกษาให้ปีละประมาณ 100 ทุนทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก นอกจากนั้นรัฐบาลอินเดียยังมีโครงการ “รถไฟสายสังเวชนียสถาน” โดยจะมีรถไฟขบวนที่เดินทางไปยังสังเวชนียสถานทุกแห่ง เพราะรัฐบาลอินเดียถือว่าพระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นที่อินเดียจึงพร้อมที่จะให้การสนับสนุนเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ในนามรัฐบาลอินเดียขอให้การต้อนรับพระธรรมทูตจากประเทศไทยอย่างเต็มที่ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง”
จากนั้นนายอำนาจ บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ถวายความรู้ สรุปความว่า “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณและด้านอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)มีความพร้อมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ขอให้ทุกท่านตั้งใจในการฝึกอบรม ไม่มีใครแก่เกินเรียนเช่นพระธรรมมงคลญาณ(หลวงพ่อวิริยังค์)เป็นตัวอย่าง ท่านศึกษาภาษาอังกฤษในช่วงที่มีอายุมากแล้วจนสามารถสื่อสารกับคนต่างประเทศได้ ปัจจุบันหลวงพ่อมีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศแคนาดา มีวัดไทย สำนักสงฆ์ที่พักสงฆ์ในแคนาดามากมาย”
นายศุภชัย วีรภุชงค์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัทไทยนครพัฒนาจำกัด ผู้ให้การสนับสนับด้านการรักษาพยาบาลและมอบเวชภัณฑ์ต่างๆสำหรับการเดินทางของพระธรรมทูตในครั้งนี้ได้ถวายความรู้สรุปได้ว่า “ปัจจุบันโลกเจริญก้าวหน้าทางวัตถุมาก ความเชื่อของคนในยุคนี้มักจะมีสภาพที่อาจจะเรียกได้ว่า “เชื่อพรหมลิขิต ติดยา บ้าเกมส์” จึงเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์โดยเฉพาะพระธรรมทูตที่จะต้องดึงคนรุ่นใหม่ให้เข้าหาธรรม เพราะหากโลกขาดศีลธรรม โลกนี้จะวุ่นวาย การสอนธรรมนั้นบางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากก็สอนได้ เพียงใช้กิริยาท่าทางก็สามารถประสบความสำเร็จเหมือนกันดังกรณีของพระอัสสชิ ที่มีกิริยามารยาทงดงาม จนอุปติสสะได้พบเข้าเกิดศรัทธาเลื่อมใส ภายหลังอุปติสสะได้กลายเป็นอัครสาวกเบื้องขวาคือพระสารีบุตร และได้ชวนโกลิตะเพื่อสนิทมาอุปสมบทด้วย ภายหลังคือพระมหาโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้อซ้าย นั่นเพราะพระอัสสชิที่มีคำสอนเพียงสั้นๆคือ “สิ่งใดเกิดแต่เหตุสิ่งนั้นก็ดับที่เหตุ” ขอให้พระธรรมทูตเดินทางและอยู่ในถิ่นมาตุภูมิอย่างสะดวกสบาย”
พระเทพวิมลญาณ (หลวงพ่อถาวร) ได้ถวายข้อคิดแก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมพระธรรมทูตฯสรุปความว่า “อยู่อินเดียต้องอดทน ทนให้ได้ในทุกสถานการณ์ เพราะอินเดียเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ วันนี้รับพรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ทันที ต้องพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงให้ได้ในทุกรูปแบบ จึงขอฝากคติไว้สั้นๆว่า “ต้องอดทนให้มาก และต้องทนให้ได้” หากทำได้ตามนี้ก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
พระครูปลัดวิริยวัฒน์ (อ.อารยวังโส) กรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการในการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานและนมัสการสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมตัวในการเดินทาง ข้อวัตรปฏิบัติ แนวทางในการฝึกอบรม ซึ่งต้องทำความเข้าใจร่วมกันก่อนการออกเดินทางจะได้มีแนวปฏิบัติแบบเดียวกัน เพราะผู้เข้ารับการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)มาจากหลายจังหวัด บางแห่งอาจจะมีข้อปฏิบัติที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมาอยู่ร่วมกันจึงต้องมีแนวปฏิบัติแบบเดียวกัน จากนั้นจึงได้นำเสนอรายละเอียดตารางการเดินทางและการฝึกอบรมในแต่ละวัน
พระธรรมปาโมกข์ ประธานกรรมการคณะอนุกรรมการในการฝึกอบรมพระธรรมทูตภาคศึกษาดูงานฯ ได้สรุปและปิดประชุมสรุปความว่า “พวกเราต้องใจดีสู้เสือ อย่ากลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริง พวกเราจะได้เห็นและสัมผัสด้วยตนเองว่ากว่าที่พระพุทธเจ้าจะประกาศพระพุทธศาสนาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และการที่พระสาวกทั้งหลายจะสานต่อปณิธานในการประกาศพระพุทธศาสนาต้องทำด้วยความเหนื่อยยาก จนสามารถนำเอาพระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปยังประเทศต่างๆ ปัจจุบันจึงเป็นภาระหน้าที่ของพระสงฆ์ในรุ่นนี้ที่จะต้องสานต่องานการเผยแผ่ให้ชาวโลกได้สัมผัสกับความสุขที่เกิดจากการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ขอให้พระธรรมทูตรุ่นนี้ถือคติว่าต้องใจดีสู้เสือ อย่าขี้เกียจจนเคยตัว จงฝึกตนทนสู้กับความลำบากจนเคยเคยชิน”
พระภิกษุผู้เข้ารับการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)รุ่นที่ 19/2556 ได้ฝึกอบรมภาควิชาการเสร็จสิ้นแล้ว เข้าสู่ช่วงที่ 2 คือภาคศึกษาดูงานและนมัสการสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย อันเป็นถิ่นกำเนิดของพระพุทธศาสนาในช่วงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ -4 มีนาคม 2556 การเดินทางในครั้งนี้มีหลายแห่งเช่นพุทธคยา เดินบิณฑบาตจากเขาคิฌกูฏ เมืองราชคฤห์ ทำวัตรสวดมนต์และลงปาฏิโมกข์ที่วัดเวฬุวัน ซึ่งพระธรรมทูตมีโครงการที่จะลงพระอุโบสถแสดงปาฏิโมกข์ที่วัดเวฬุวัน อันเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 เวลาประมาณ 18.00 น. เป็นการฝึกอบรมพระธรรมทูตในสถานที่จริง เพื่อที่จะให้พระธรรมทูตได้เดินตามรอยบาทพระศาสดา ในการประกาศพระพุทธศาสนา ซึ่งพระธรรมทูตเหล่านี้จะได้ศึกษาเรียนรู้ถึงอดีตกาลที่ผ่านไป ศึกษาปัจจุบันจากสภาพที่ปรากฎและนำไปสู่การพัฒนาเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
รายงาน
21/02/56