ต้นโพธิ์ที่วัดมีหลายต้น บางต้นมีอายุยาวนานหลายร้อยปีแล้ว บางต้นพึ่งยืนต้นได้ไม่นาน บางต้นกำลังแทรกตัวบนคาคบของไม้ต้นอื่นๆ ต้นโพธิ์เป็นไม้ที่เกิดง่ายสามารถที่จะแทรกตัวอยู่ตรงไหนก็ได้ แม้แต่บนหลังคาศาลาการเปรียญ ชาวพุทธเชื่อกันว่าโพธิ์เป็นต้นไม้คู่กับพระพุทธศาสนาเพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศาสดาแห่งพระพุทธศาสนาทรงตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ ณ โพธิบัลลังค์
เย็นย่ำจะค่ำมืดแล้ว มองไปที่ต้นโพธิ์หน้าวัดเห็นควันธูปลอยอ้อยอิ่งพอถูกกระแสลมพัดก็ลอยละล่องไปตามลม รู้สึกสงสงสัยจึงเดินเข้าไปดู ใครกันมาจุดธูปที่ใต้ต้นโพธิ์ ยายชราคนหนึ่งกำลังนั่งประนมมือเหมือนกำลังสวดมนต์ที่ข้างๆต้นโพธิ์อย่างโดดเดียว ตัวคนเดียวในช่วงเวลาพลบค่ำ ยายนั่งนิ่งๆใต้ต้นโพธิ์ข้างวัด
จึงเอ่ยทักและถามไถ่ยายว่า “ยายทำไมมาจุดธูปในเวลามืดค่ำอย่างนี้” ยายหันมามองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือไหว้และตอบว่า “ยายมาไหว้เจ้า” ก่อนจะเฉลยต่อไปว่า “ยายไม่มีโอกาสไปไหว้เจ้าที่ไหน เพราะยายแก่แล้วเดินทางไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก ยายก็อยากไปเยาวราชแต่เดินทางลำบาก ยายมีเชื้อสายจีน พ่อเป็นคนจีนแต่เสียชีวิตมานานแล้ว แม่เป็นคนไทย แต่ก่อนประกอบอาชีพค้าขาย แต่ปัจจุบันยายยกสมบัติให้ลูกหลานหมดแล้ว จึงเหลือตัวคนเดียว”
เป็นคุณยายที่มาทำบุญที่วัดทุกวันพระ ในเวลาทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแด่พระภิกษุสามเณร ยายจะแต่งตัวตามสบายเหมือนคนแก่ทั่วไป ยายก็ไม่เคยบอกว่าเป็นใครมาจากไหน แต่มาทำบุญทุกวันพระตลอดระยะเวลาหลายปีมาแล้ว ยายมักจะนั่งอยู่หลังคนอื่นๆ ไม่ค่อยชอบพูดคุยกับใคร แต่ทุกคนก็คุ้นเคยกับยายดี หากทางวัดมีงานทำบุญก็มักจะพบหน้ายายชราคนนี้เป็นประจำ ส่วนชื่อเสียงเรียงนามขอสงวนไว้
“ลูกหลานไม่มีหรือ”
ยายตอบในทันใดว่า “มีแต่ยายไม่รบกวนพวกเขา ยายอยากมีเวลาเป็นส่วนตัว ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ พวกเขาอยู่สบายกันทุกคนแล้ว ยายก็พักอยู่กับลูกหลานนั่นแหละ เขาเลี้ยงดูดีทุกอย่าง มีเงินให้ใช้ แต่ยายไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน จึงแยกตัวมาอยู่คนเดียวรอวันตาย แต่หลายปีมาแล้วดูเหมือนมัจจุราชจะมองไม่เห็น จากคนที่กำลังจะตายกลายเป็นคนที่มีชีวิตยืนยาว ยายเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมเทพเจ้าที่ยายเคารพ ยายจึงสักการะทั้งสองอย่างคือไหว้พระและไหว้เจ้า เมื่อตอนเช้ายายไหว้พระมาแล้ว ตอนเย็นจึงมาเซ่นไหว้เทพเจ้าและผีบรรพบุรุษ ยายคิดถึงพ่อและแม่ที่จากโลกนี้ไปนานแล้ว”
“ยายอธิษฐานอะไร”
ขณะที่ยายตอบดวงตาเหมือนกำลังมีรอยยิ้มเพ่งมองไปเบื้องหน้าเหมือนกำลังคิดถึงอนาคตที่มองไม่เห็น “ขอให้ลูกหลานอยู่ดีมีความสุข”
“ยายไม่ได้อธิษฐานให้ตัวเองหรือ”
“ยายแก่แล้วจะตายวันไหนก็ไม่รู้ ส่วนลูกหลานยังต้องอยู่ในโลกนี้อีกนาน ยายทำบุญทำทานทุกวัน ชีวิตน่าจะเพียงพอแล้ว ยายพอใจในการเป็นอยู่ตามสมควรแก่อัตภาพแล้ว”
มืดค่ำแล้วยายกำลังจะเตรียมตัวกลับบ้าน แม้จะลุกลำบากแต่ก็ประครองตนให้ยืนขึ้นได้ ยายยกมือไหว้บอกลาและถามว่า “ที่กำแพงพระอุโบสถยังมีที่ว่างสำหรับใส่กระดูกคนตายบ้างไหม” จึงบอกว่ายังมีอยู่ยังว่างอีกหลายแห่ง พระคู่สนทนาทำหน้างงๆว่ายายถามทำไม
“ยายฝากให้ท่านจองให้หนึ่งที่ เอาไว้ใส่กระดูกยายเอง วันพระหน้ายายจะนำเงินค่าจองมาให้” พูดจบยายชราก็ต่อยๆเดินลับหายไปทางหลังวัด ใบของต้นโพธิ์ยังพริ้วไหวไปตามแรงลม ใบแห้งบางใบหล่นจากขั้วปลิวไปตามกระแสลม ใบอ่อนยังหยัดยืนอย่างมั่นคงทนสู้กับแรงลมได้
สัตว์โลกก่อกำเนิดเกิดมาอาศัยอยู่ในโลก จากเด็ก เข้าสู่วัยหนุ่มสาว จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่วัยชรา และไม่นานก็ต้องจากโลกนี้ไปเหมือนกันทุกคน สัตว์เดินเข้าสู่ความแก่ชรา และเดินเข้าสู่มรณะทุกเวลา ชีวิตจึงคาดหวังอะไรไม่ได้ ไม่มีอะไรที่จะคงอยู่ยั่งยืนตลอดไป ในช่วงที่ยังหนุ่มสาวมีแรงที่จะทำบุญกุศลแต่ไม่ค่อยมีเวลาได้ทำ พอถึงวัยชรามีเวลามาก แต่ก็ไม่ค่อยมีกำลัง ชีวิตมักจะเดินสวนทางกันอย่างนี้ ดังที่พระรัฐปาลได้แสดงธัมมุทเทสไว้ในรัฐปาลสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (13/446/309) ตอนหนึ่งว่า “โลกอันชรานำเข้าไป ไม่ยั่งยืน อุปนียติ โลเก อฺทฺธุโว”
เงาหลังของยายชราที่มีลูกหลาน มีทรัพย์สมบัติ มีทุกอย่างพร้อม แต่ยายยังมีความเชื่อดั้งเดิมคือเชื่อในพลังของเทพเจ้าที่จะดลบันดาลความสุข ความสำเร็จให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือ แต่ยายไม่ได้อธิษฐานของความสุขนั้นให้แก่ตนเอง แต่ขอให้ลูกหลานที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีกนาน ส่วนยายได้จองสถานที่สำหรับตนเองไว้แล้ว ที่กำแพงรอบพระอุโบสถ แต่อนาคตยังคาดเดาไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนจองกับผู้รับจองใครจะได้ใช้ช่องว่างข้างพระอุโบสถก่อนกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
11/02/56