ใกล้วันตรุษจีนอันเป็นประเพณีสำคัญของคนจีน ซึ่งยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน คนจีนแม้จะเดินทางไปประกอบอาชีพที่ไหน แต่พอถึงเทศกาลตรุษจีน แม้จะไม่ได้กลับบ้านเกิด แต่ก็พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลอง โคมไฟสีแดงเครื่องประดับตกแต่งสีแดง ตลอดจนการละเล่นต่างๆมีให้เห็นทั่วโลก แม้แต่สินค้าก็ยังมุ่งเน้นไปที่เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ จนมีคนกล่าวคำเรียกขานวัฒนธรรมของคนจีนว่า “ปีใหม่ไปไหว้บรรพบุรุษ วันตรุษไปไหว้เจ้า”
	      ผู้ที่ได้รับการขนานนานว่าเป็น “ครู” ของจีนคนหนึ่งคือขงจื้อ บางเล่มเขียนเป็น “ขงจื่อ” ขงจื่อเกิดเมื่อ 551 ปีก่อนคริสตศักราช มีชีวิตอยู่ในช่วง 722-481 ปี ก่อน คริสตศักราช แรกเริ่มขงจื่อเป็นครูธรรมดาๆคนหนึ่ง ในจำนวนคนที่เป็นครูมากมาย แต่หลังจากถึงแก่กรรมก็ค่อยๆได้รับการยกย่องให้เป็น “อภิคุรุอริยปราชญ์” สูงกว่าครูทั้งหลาย  ปัจจุบันคนจีนส่วนใหญ่เห็นว่าขงจื่อเป็นครูที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง (เฝิงอิ่วหลัน,ส.สุวรรณ แปล,ปรัชญาจีน:จากขงจื่อถึงเหมาเจ๋อตง,กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สุขภาพใจ,2553,หน้า 53)
	     วันนี้ได้นำคำสอนของขงจื่อผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าอภิคุรุอริยปราชญ์ บางส่วนมาให้อ่านในช่วงเทศกาลตรุษจีน
	 
	คติพจน์ขงจื้อ
	
	คุณธรรมไม่พัฒนา ศึกษาไม่ถึงแก่น
	เรียนแต่ปฏิบัติไม่ได้  ผิดพลาดไม่ยอมแก้ไข
	ล้วนเป็นข้อที่น่าห่วงใยทั้งสิ้น
	
	สรรพสิ่งในโลกนี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
	แต่กฎแห่งธรรมชาติไม่เคยเปลี่ยนแปลง
	
	ทำชั่วในที่แจ้งมนุษย์ลงโทษ
	ทำชั่วในที่ลับเทพยดาลงทัณฑ์
	
	ปัญญาชนพึงมีกตัญญูเป็นรากแก้ว มารยาทเป็นโล่ป้อง
	มีความอ่อนน้อมเป็นสมบัติ มีความซื่อสัตย์เป็นหลักชัย
	 
	ผู้มีคุณธรรมไม่ควรนำข่าวที่ยังไม่แจ้งชัดไปขยายต่อ
	
	ผู้มีสติจะไม่ชักธงรบเพียงเพราะบันดาลโทสะ
	
	ผู้รู้ย่อมเชื่อมั่น
	ผู้มีการุณธรรมย่อมไม่วิตก
	ผู้กล้าย่อมไม่หวั่นไหว
	
	มีเวลาหนึ่งเดือนให้ปลูกผัก
	มีเวลาสิบปีให้ปลูกไม้ผล
	มีเวลาร้อยปีให้ปลูกฝังความเป็นคน
	
	สัตบุรุษมุ่งมองงานใหญ่ ไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก
	
	สิ่งที่แม่น้ำใหญ่จะลืมไม่ได้คือลำธารเล็กๆ
	การให้เกียรติและเคารพสิทธิผู้อื่น
	การรักใคร่เอื้ออาทรซึ่งกันและกัน
	เป็นกาวใจสำคัญที่สามารถบันดาลให้สังคมมนุษย์อยู่ร่วมกันโดยสันติสุข
ความหายนะมักจะเกิดขึ้นเมื่อคนหมดความอดทน
	คุณธรรม 5 ประการที่พึงกระทำคือ
	     1.อ่อนน้อมถ่อมตนไม่ยโส
	    2.ยึดมั่นในอภัยทาน
	    3. มีสัจจะยึดมั่นเชื่อถือได้
	    4. คล่องแคล่วปราดเปรียวมีผลงาน
	    5. เมตตาการุณย์ต่อชนทุกชั้น
	นิสัยควรละเว้น 4 ประการ
	     1.ไม่ตามใจตัวเอง
	    2. ไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่
	    3.ไม่ถือทิฐิ
	    4. ไม่ยกตนข่มท่าน
	บัณฑิตถ้าไม่สงบหนักแน่น ไร้ซึ่งจริยธรรม ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
ปัญญาชนมีสิ่งพึงละเว้นสามประการคือ
1.วัยแตกพานดีพึงสังวรในกาม
2.ย่างเข้าสู่วัยฉกรรจ์พึงละเว้นการต่อสู้ด้วยกำลัง
3.วัยชราพึงละเว้นความโกรธโลภหลง
บัณฑิตต้องมีคุณสมบัติผู้ดี 8 ประการคือ
1.มีมารยาท
2.มีคุณธรรม
3.ซื่อสัตย์สุจริต
4.มีหิริโอตตัปปะ
5.มีความจงรักภักดี
6.มีความกตัญญูกตเวที
7.มีเมตตาธรรม
8.มีความรัก
สัตว์ร้ายมักสยบได้ง่าย จิตใจมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้สิโรราบ
	บัณฑิตพึงปฏิบัติตามหลักธรรม 9 ประการคือ
	    1.ดูต้องคำนึงถึงความเข้าใจ
	    2.กิริยาตระหนักถึงความอ่อนน้อม
	    3.วาจาต้องพูดแต่ความสัตย์จริง
	    4.มีปัญหาต้องหมั่นสอบถาม
	    5.เห็นประโยชน์ต้องคำนึงถึงความซื่อสัตย์
	    6. ฟังต้องคำนึงถึงความชัดเจน
	    7.บุคคลิกภาพต้องสุภาพอ่อนน้อม
	    8.ภารกิจต้องทำด้วยความตั้งใจ
	     9. บันดาลโทสะต้องคำนึงถึงผลตามสนอง
	 
	บัณฑิตย่อมยึดมั่นการบำเพ็ญตน สั่งสมคุณธรรม
	ปราศจากการมุ่งหวังในลาภยศสักการะ
	และมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล
	
	เสียเงินเสียหนึ่งสิ่ง 
เสียชื่อเสียงเสียหลายสิ่ง
แต่เสียกำลังใจเสียทุกสิ่ง
	เว็บมาสเตอร์
	รวบรวม
	08/02/56
	
	
	แหล่งที่มา:
	      ไพบูลย์ ติสรเตติวัฒน์.คติพจน์ขงจื้อและสุภาษิตนานาชาติ.กรุงเทพฯ:วรานนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์,2553.
	       เฝิงอิ่วหลัน,ส.สุวรรณ แปล.ปรัชญาจีน:จากขงจื่อถึงเหมาเจ๋อตง. กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์สุขภาพใจ,2553.
	 
	หมายเหตุ:คติพจน์ขงจื้อ ออกเสียงเป็น “ขงจื้อ”
	                 ปรัชญาจีน ออกเสียงเป็น “ขงจื่อ”