ผู้ที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ด้วยใจที่เป็นกลางคงสับสน หลายคนที่ฟังการเจรจาทางการเมืองระหว่างตัวแทนฝ่ายรัฐบาลและตัวแทนฝ่ายคนเสื้อแดง ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ฟังไปฟังมาอาจจะมืนงง เพราะต่างก็พยายามรักษาผลประโยชน์ของตนไว้อย่างเหนียวแน่น เราจึงไม่ได้เห็นการตกลงใดๆ การเจรจาทางการเมืองสองวันที่ผ่านมาจึงเป็นเหมือนการเขียนรูปในอากาศ ไม่มีรูป ไม่มีภาพ มีแต่ความว่างเปล่า
เรื่องของคำพูดพระพุทธศาสนามีคำอธิบายไว้มากมาย ถ้อยคำที่คนอื่นจะพึงกล่าวมีอยู่ห้าประการ ดังที่ปรากฎในกกจูปมสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ (12/267/171)ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ห้าประการคือ (1)กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร (2) กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง (3) กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคาย (4)กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ (5) มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวอย่างไรก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทางซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล
บางทีภาพที่มองไม่ค่อยชัด อาจมีมุมที่ชัดเจนอยู่ก็ได้
ต้องยอมรับในการควบคุมอารมณ์ของคู่เจรจาที่ทำให้การเจรจาจบลงด้วยความสันติ การพูดนั้นก็เปรียบเหมือนบุรุษเขียนรูปในอากาศ ดังข้อความว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ถือเอาครั่งก็ตาม สีเหลืองสีเขียว หรือสีเหลืองแก่ก็ตามมาแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า เราจักเขียนรูปต่างๆ ในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูปเด่นชัด ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจะเขียนรูปต่างๆ ในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูปเด่นชัดได้หรือไม่
เมื่อพวกภิกษุตอบว่า “ไม่ได้พระเจ้าข้า จากนั้นจึงถามต่อไปว่าเพราะเหตุอะไร”
พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า “เพราะธรรมดาอากาศนี้ ย่อมเป็นของไม่มีรูปร่าง ชี้ให้เห็นไม่ได้ เขาจะเขียนรูปในอากาศนั้นทำให้เป็นรูปเด่นชัดไม่ได้ง่ายเลย ก็แหละบุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้แม้ฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่านมีอยู่ห้าประการก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม เขาจะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำอ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม
ในข้อนั้นพวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตาจิต ไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาจิตอันเสมอด้วยแม่น้ำคงคา ไพบูลย์ ใหญ่ยิ่งหาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้นดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล
อยู่กับตัวเองนี่ดีที่สุด ทุ่มเถียงกับใจตัวเองอย่างเดียว
ฟังการเจรจาทางการเมืองของแกนนำทั้งสองวันติดต่อกันต้องบอกว่าเหมือนการเขียนรูปในอากาศจริงๆ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน ใช้วาทะหลบไปหลีกมา ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม จะหาคนผิดให้ได้ ถ้าอย่านี้ก็ไม่มีทางจบ
ลองยอมกันสักครั้งดีไหมพบกันครึ่งทางแทนที่จะยุบสภาภายในสิบห้าวันตามที่ฝ่ายเสื้อแดงร้องขอหรือแทนที่จะรอเวลาอีกเก้าเดือนตามที่รัฐบาลเสนอ ก็ต่างฝ่ายต่างยอมพร้อมที่จะยุบสภาภายในเวลาสามหรือสี่เดือนน่าจะเหมาะสมที่สุด อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว แต่หากต่างฝ่ายต่างยอมประเทศชาติก้จะได้เที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุข
คนไทยโบราณมีสุภาษิตบทหนึ่งพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า “ให้ฟังหูไว้หู” หมายความว่าฟังแล้วอย่าพึ่งเชื่อ ต้องดูข่าวอื่นๆด้วย หรือดูเรื่องอื่นๆด้วย คนไทยอยากเห็นความสงบ อยากเห็นคนไทยรักกัน แต่สภาพการเมืองในปัจจุบันทำให้คนไทยแตกแยกกัน แล้วจะหาทางให้เกิดความสามัคคีอย่างไรนั้น......นอกจากยุบสภาภายในสามหรือสี่เดือนแล้ว นอกจากนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออก
วันนี้วันธรรมสวนะ ขอเชิญฟังธรรมเรื่องกกจูปมสูตร:คำพูดนั้นอุปมาว่าด้วยเลื่อย"
โดยพระเทพดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร
{mp3}kakacupamasutra{/mp3}
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
เรียบเรียง
30/03/53