ห้องสมุดแจ้งมาว่ามีหนังสือหนึ่งเล่มที่ยืมมาแล้วยังไม่ได้ส่ง ถึงกำหนดส่งแล้วกรุณานำมาส่งภายในสิ้นเดือนนี้ด้วย เมื่อได้รับหนังสือเตือนก็ถึงเวลาที่จะต้องค้นหาซึ่งการหาหนังสือสักเล่มหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะในห้องเล็กๆและแคบคงหาไม่ยากนัก แต่พอลงมือค้นหาจริงๆกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเจ้าหนังสือจำนวนมากที่วางกองตามผนังห้องเต็มไปหมดนั้น เป็นงานที่หนักเกินกว่าที่คาดคิดไว้
ห้องที่อยู่อาศัยมาเนิ่นนานเมื่อมีสิ่งใดๆก็เก็บรวมกันจนไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ของบางอย่างไม่มีประโยชน์ไม่ได้ใช้แล้ว แต่ก็ยังเก็บไว้เพราะคิดในใจว่าสักวันหนึ่งคงจะได้ใช้ จะทิ้งก็เสียดายจะเก็บไว้ก็ไม่มีที่เก็บ วันนี้เมื่อได้เก็บกวาดทำความสะอาดแล้ว ห้องจึงดูสะอาดตาน่าอยู่ยิ่งขึ้น ใจก็สบาย กายก็มีแรง
ในใจของเราก็เหมือนกับห้องพัก บางอย่างจดจำไว้นานแสนนานหลายปีมาแล้วยังไม่ยอมลืม พอคิดถึงขึ้นมาครั้งใดก็เจ็บปวดรวดร้าว ทั้งๆที่เรื่องดังกล่าวผ่านไปนานแล้ว เป็นอดีตที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็ยังนำมาคิดอีก โดยเข้าข้างตนเองว่า “ถ้าเพียงแต่เราทำอย่างนั้น เหตุการณ์อย่างนั้นคงไม่เกิด.....” แต่ข้อเท็จจริงเราไม่ได้ทำอย่างที่นำมาคิด จึงกลายเป็นสนิมในใจ ภาษาพระบอกว่าสนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน เมื่อเกิดย่อมกัดกินเหล็กจนในที่สุดก็เสื่อมสภาพไป ใจมนุษย์ก็คล้ายคลึงกันสนิมใจเมื่อเกิดขึ้นก็ย่อมกัดกร่อนใจในที่สุดก็กลายเป็นใจที่ไร้ประสิทธิภาพ
ภาพนี้ถ่ายที่ท้องสนามหลวง(22/03/53)ทุกวันนี้ยังมีคนจนอาศัยอยู่จำนวนมาก
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละปี แต่ละเดือน แต่ละวันนั้นมีเรื่องให้จดจำมากมาย ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีเรื่องที่จะต้องจดจำมากขึ้น มนุษย์เราต้องใช้ตาดู หูฟัง จมูกสูดดม ปากพูด กายสัมผัส ใจคิด เก็บสะสมไว้ในความทรงจำ ยิ่งมากยิ่งมีเรื่องมาก หากเก็บไว้หมดทุกเรื่องคงเต็มอยู่ในใจหาที่เก็บไม่ได้ เหมือนห้องเก็บของที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด
อย่าว่าแต่นับเป็นปีเลย แม้เพียงวันเดียวก็มีเรื่องให้จดจำมากมาย ยิ่งคนที่คอยติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็ยิ่งจะสับสนว่าใครผิดใครถูกกันแน่ เพราะวันหนึ่งๆมีหลายเรื่องที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ลืมตาตื่น ตาเราก็ได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆหลายอย่างถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง บางคนอาจคิดว่าต้องเลือกจำในสิ่งที่น่าจดจำ ปากพูดได้ แต่จะบังคับใจให้เชื่อตามที่ปากพูดได้จริงหรือไม่
มนุษย์มีสิ่งที่รับรู้ได้หกประการเรียกว่าอายตนะทั้งหกประการ อายตนะแปลว่าที่อยู่ ที่อาศัย บ่อเกิด เครื่องต่อ อายตนะมีสองประการคืออายตนะภายนอกคือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และอารมณ์ กับอายตนะภายในได้แก่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีเท่ากันทุกคนแต่จะใช้การได้ดีหรือไม่นั้นอาจไม่เท่ากัน เมื่อนอกกับในมาสัมผัสกันแล้วถูกเครื่องปรุงต่างๆ ผสมเข้า หากชอบใจก็น่าจดจำ หากไม่ชอบใจก็ก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่อยากจำ แต่ธรรมชาติมนุษย์นี่เป็นเรื่องแปลกคือมักจะจำในเรื่องที่ควรลืม แต่มักจะลืมในเรื่องที่ควรจำ
วันเวลาสถานที่เดียวกัน สนามหลวงยังเป็น "บ้าน" ของคนจน
เมื่อไม่สามารถลบความทรงจำออกไปจากใจได้ ในที่สุดก็กลายเป็นขยะในใจ เมื่อสะสมมากเข้าจะล้นออกมาภายนอก เกิดเป็นความหงุดหงิด ฟุ้งซ่านรำคาญใจ นับเป็นหนึ่งในนิวรณ์คือเครื่องกั้นความดีไป หากไม่ชำระมีแต่สะสมมากขึ้นทุกวัน พอถึงวันจะเก็บกวาดก็จะยิ่งทำยากขึ้น วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งที่จะเก็บกวาดขยะในใจได้คือการหยุดคิดหรือการทบทวนว่าในแต่ละวันเราทำอะไรไปบ้าง จากนั้นค่อยๆลบสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ออกไป เหลือไว้แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ จากนั้นก็ตั้งจิตไว้ก่อนหลับว่า พรุ่งนี้จะต้องทำให้ดีกว่าวันนี้
ขยะภายนอกเรามองเห็นและเก็บกวาดได้ง่าย แต่ขยะในใจหากไม่เริ่มต้นชำระสะสาง ในที่สุดก็จะกลายเป็นขยะที่ล้นใจ ต้องขอคุณห้องสมุดที่แจ้งเตือนเรื่องหนังสือเล่มนั้นมา ทำให้ได้เก็บกวาดทั้งขยะภายนอกและขยะภายในใจไปด้วย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
26/03/53