ยังจำโฆษณาเรื่องการดื่มเหล้าทางโทรทัศน์ได้ไหม ที่มีชายคนหนึ่งนั่งดื่มเหล้าเพราะความกลุ้ม เรียกว่าดื่มเหล้าเผากลุ้ม ยิ่งดื่มยิ่งกลุ้มยิ่งกลุ้มก็ยิ่งดื่ม ไม่สิ้นสุดสักที โฆษณาชุดนี้ทำได้ดี น่าจะทำให้คนที่ดื่มสุราได้ข้อคิดแล้วอาจจะทำให้เลิกสุราได้ ควรมีอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยก็เป็นเครื่องเตือนสติของคนที่คิดจะดื่มเหล้า
โฆษณาชุดนี้ทำให้นึกถึงธรรมที่พระพุทธเจ้าเคยแสดงถึงสิ่งที่มนุษย์เสพแล้วไม่รู้จักอิ่ม ตามที่ปรากฎในอติตตสูตร อังคุตตรนิกาย(20/548/247)ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความอิ่มในการเสพไม่มีในสิ่งสามอย่างคือในการเสพความหลับ ในการดื่มสุราและเมรัย และในการเสพเมถุนธรรม
ไม่เคยได้ยินว่าคนเราจะอิ่มในการนอนหลับ ตั้งแต่เกิดจนตาย มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจะต้องนอนส่วนวิธีการนั้นย่อมมีแตกต่างกันไป หากอดนอนสุขภาพร่างกายจะอ่อนล้า ผลที่ตามมาจะไม่มีแรง ในที่สุดจะเจ็บป่วยล้มตายง่ายกว่าคนปกติ
การดื่มสุราเมรัย คนดื่มสุราส่วนมากมักจะมีข้ออ้างต่างๆนานา ดื่มเป็นยาบ้าง ดื่มเพราะสังคมบ้าง คนดื่มจะบอกว่ายังไม่เมา แต่เมื่อเมาจะไม่รู้ตัว ทำให้ขาดสติ ใจร้อนและทำให้เกิดการกระทำที่ผิดศีลธรรมข้ออื่นๆได้อีกมากเช่นเมื่อโกรธก็ทำร้ายคนอื่นจนถึงฆ่าคนอื่นเป็นต้น การดื่มสุรานอกจากจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนทำผิดได้ง่ายแล้ว ยังอาจก่ออันตรายอื่นๆได้อีกมากมาย
การเสพเมถุนหรือการมีสามีภรรยาเป็นธรรมของคนสองคนชายกับหญิงหรือปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นหญิงกับหญิง หรือชายกับชาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนไม่เคยอิ่ม คนในโลกส่วนหนึ่งอยู่ได้เพราะมีการสืบพันธุ์ ทำให้เผ่าพันธุ์ขยายมากขึ้น เมถุนธรรมเป็นสิ่งที่จรรโลงโลก แต่ในพระพุทธศาสนาห้ามพระภิกษุเสพเมถุน ภิกษุรูปใดเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิก(1/24/30) คือขาดจากความเป็นภิกษุ แม้แต่ในธรรมจักกัปปวัตนสูตร ธรรมสองอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไม่ให้ภิกษุปฏิบัติคือกามสุขัลลิกานุโยค(การหมกมุ่นในกาม) และอัตตกิลมถานุโยค (การทรมานตน) สิ่งที่ทรงแนะนำให้ทำคือมัชฌิมาปฏิปทา หรือที่นิยมเรียกว่าทางสายกลาง
การนอน การดื่มสุราและการเสพเมถุน พระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นสิ่งที่เสพแล้วไม่รู้จักอิ่ม เหมือนกับที่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) อดีตเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสวิหารเคยเขียนเป็นปริศนาธรรมว่า “กินเท่าไร ไม่หายอยาก นอนมากไม่รู้จักตื่น” สิ่งที่กินไม่อิ่มก็คือสามสิ่งดังที่กล่าวมานั้น
สาเหตุที่ทำให้คนกินไม่อิ่มมาจาก “ตัณหา” แปลว่าความอยาก ตราบใดที่มีความอยากก็ต้องหาทางสนองตัณหาตนเอง ตัณหาเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ มีพุทธภาษิตยืนยันไว้ตอนหนึ่งในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/28/46)ว่า "นตฺถิ ตณฺหา สมา นที" แม่น้ำเสนอด้วยตัณหาไม่มี
นอนมากไม่รู้ตื่น หมายถึงคนที่หลงงมงายด้วยโมหะคือความหลง บางครั้งความหลงทำให้เสียโอกาสในการทำความดี ดังเช่นครั้งหนึ่งอาจารย์ของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเมื่อครั้งที่ยังไม่ได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาคืออาจารย์สัญชัยเป็นเจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เมื่อลูกศิษย์คืออุปติสสะแลโกลิตะไปชักชวนให้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา สัญชัยได้ตอบประโยคที่เป็นอมตะของคนหลงไว้ตอนหนึ่งโดยถามลูกศิษย์ว่า “ในโลกนี้คนโง่หรือคนฉลาดมากกว่ากัน” เมื่ออุปติสสะและโกลิตะตอบว่า “คนโง่มากกว่า”
สัญชัยจึงตอบว่า “คนฉลาดจะไปหาพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จะมาหาเราเอง” ในที่สุดลูกศิษย์ก็ลาอาจารย์เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาต่อมาได้กลายเป็นอัครสาวกเบื้องขวาและเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้านามว่า พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
ส่วนอาจารย์สัญชัยยังเผยแผ่ลัทธิของตนเองต่อมาจนกระทั่งปัจจุบันยังมีคนนับถือในอินเดีย เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่าลัทธิของอาจารย์สัญชัยไม่เคยหายไปจากอินเดียเลยตลอดระยะเวลาสองพันหกร้อยกว่าปี ในขณะที่พระพุทธศาสนาเคยหายไปจากอินเดียถิ่นกำเนิดเป็นเวลานานกว่าเจ็ดร้อยปี พึ่งจะได้รับการรื้อฟื้นคืนมาอีกครั้งไม่ถึงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมานี่เอง
มนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาต่างก็ตกอยู่ภายใต้ปริศนาธรรมข้อนี้คือกินเท่าไหร่ก็ไม่หายอยาก นอนมากไม่รู้จักตื่น เพราะตัณหาพาให้เกิดความอยาก ถ้าไม่มีตัณหาก็ไม่มีความอยาก แต่การขจัดตัณหานั้นต้องใช้มรรควิธีที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว แม้วันนี้ยังไม่หมดก็ค่อยๆบรรเทาทำความเข้าใจลด ละและเลิกในที่สุดก็จะค่อยๆหมดไปเอง
ใครมีคำอธิบายปริศนาธรรมทั้งสองข้อที่แตกต่างไปจากนี้ เชิญแสดงความคิดเห็นได้และช่วยอธิบายเป็นธรรมทานด้วยเถิด จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านคนอื่นๆต่อไป
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
เรียบเรียง
21/03/53