โดยทั่วต้นไม้มักจะเกิดอยู่ในป่า ยิ่งเป็นป่าที่สมบูรณ์ก็ยิ่งจะมีต้นไม้ใหญ่ แต่พอความเจริญของโลกมากขึ้น ดูเหมือนว่าป่าเริ่มจะเหลือน้อยลง ปัจจุบันจะหาดูต้นไม้ขนาดใหญ่ๆจึงหายาก ส่วนหนึ่งต้นไม้ขนาดใหญ่จึงมักจะเหลืออยู่ในวัด หรือสถานที่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยเฉพาะวัดป่ามักจะมีป่าและต้นไม้ใหญ่ให้เห็น วัดบางแห่งจึงเป็นสถานที่ที่อนุรักษ์ต้นไม้ไว้โดยปริยาย
วันนั้นนั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่บริเวณวัดถ้ำเชียงดาว หลังจากที่ออกจากถ้ำซึ่งก็เป็นเวลาเที่ยงวัน อากาศกำลังสบาย สายลมพัดพามากระทบกาย หากเป็นช่วงปรกติก็คงหลับไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้อยู่ท่ามกลางสถานที่ที่มีผู้คนเดินทางไปมา จึงหลับไม่ลง คงหลับไม่ได้ เสียงนกนานาชนิดต่างก็พากันมากินผลของต้นไม้ ส่งเสียงร้องอย่างเพลิดเพลิน เผลอนึกไปว่านกเหล่านี้กำลังร้องเพลง ตามภาษาของนกแต่เราฟังไม่ออกเอง บางครั้งเสียงที่ได้ยินก็ไม่จำเป็นต้องฟังออก แต่สัมผัสได้ ชีวิตใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีผลเพลิดเพลินอย่างนี้เอง
ต้นไม้ใหญ่ที่มีดอกออกผลให้ทั้งร่มเงา และผลของต้นไม้ยังเป็นอาหารของสัตว์ต่างๆได้อีก คนกับต้นไม้ไยไม่เป็นเฉกเช่นเดียวกัน หากมนุษย์ที่มีทั้งความเป็นผู้ใจดีและมีทรัพย์สมบัติก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือเกื้อหนุนแก่คนรอบข้างได้ คนโบราณจึงเปรียบเทียบคนที่มีความเมตตากรุณาและมีทรัพย์สมบัติไว้ว่า “ร่มโพธิ์ร่มไทร” อันบ่งความถึงความเป็นผู้ใหญ่ใจดี เป็นผู้ใหญ่ประเภทที่เรียกว่า “ทำดีให้ลูกหลานดู อยู่ให้เขาเห็น เย็นให้เขาสัมผัส” ผู้หลักผู้ใหญ่จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกหลาน
พระพุทธศาสนาแสดงคนกับไม้ไว้ในรุกขสูตร อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต (21/109/128) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้สี่ชนิดคือ ต้นไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวารชนิดหนึ่ง ต้นไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวารชนิดหนึ่ง ต้นไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวารชนิดหนึ่ง ต้นไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารชนิดหนึ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้สี่ชนิดนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันบุคคลเปรียบด้วยต้นไม้สี่ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก คือบุคคลดุจไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวารจำพวกหนึ่ง ดุจไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวารจำพวกหนึ่ง ดุจไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวารจำพวกหนึ่ง ดุจไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารจำพวกหนึ่ง
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นดุจไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวารอย่างไรบุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม แม้บริษัทของเขาก็เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม บุคคลเป็นดุจไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวารอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวาร แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น
ก็บุคคลเป็นดุจไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวารอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม แต่บริษัทของเขาเป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรมบุคคลเป็นดุจไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวารอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวาร แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวารอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม แต่บริวารของเขาเป็นคนทุศีล มีบาปธรรม บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวารอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวาร แม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารอย่างไร บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม แม้บริษัทของเขาก็เป็นคนมีศีล มีกัลยาณธรรม บุคคลเป็นดุจไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ต้นไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารแม้ฉันใด เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบฉันนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเปรียบด้วยต้นไม้สี่จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก
สาระสำคัญของรุกสูตรสรุปได้ว่า “ต้นไม้กะพี้มีไม้กะพี้เป็นบริวารหมายถึงคนชั่วมีคนชั่วเป็นพวกพร้องบริวาร ต้นไม้กะพี้มีไม้แก่นเป็นบริวารหมายถึงคนชั่วแต่มีคนดีเป็นบริวาร ต้นไม้แก่นมีไม้กะพี้เป็นบริวารหมายถึงคนดีแต่มีบริวารเป็นคนชั่ว ส่วนต้นไม้แก่นมีไม้แก่นเป็นบริวารชนิดหนึ่งหมายถึงคนดีและคนดีเป็นบริวาร
ต้นไม้บางต้นเจริญงอกงามรวดเร็วแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกล แต่เป็นไม้ที่ไม่มีแก่นจึงยืนต้นอยู่ได้ไม่นาน ส่วนต้นไม้ที่มีแก่นแม้จะเติบโตช้าแต่ค่อยเป็นค่อยไปสู้ทนทายท้ากับลมฝนมานานหลายปี บางต้นมีอายุยาวนานเป็นร้อยสองร้อยปี ถ้านำมาทำประโยชน์ย่อมได้มากกว่าทนทานกว่า มนุษย์เราก็คล้ายต้นไม้ คนที่เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้รวดเร็วมักจะอยู่ได้ไม่นาน ส่วนผู้ที่ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆก้าวแม้จะไม่ก้าวหน้าทันตาเห็นแต่ทว่าก็อยู่ได้นาน
มารู้สึกตัวอีกทีมีเด็กชายคนหนึ่งมานั่งอยู่ข้างๆสะกิดที่เท้าเบาๆพลางบอกว่า “หลวงพ่อแดดส่องแล้ว หลวงพ่อไม่ร้อนหรือ ดื่มน้ำเย็นสักขวดไหมครับ น้ำดื่มและน้ำอัดลมนี้มีคนที่ร้านค้าฝั่งโน้นฝากมาถวายหลวงพ่อ” ตอนนั้นพึ่งรู้ตัวเผลอหลับไปตอนไหนไม่ทราบ นั่งหลับโดยหันหลังพิงต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นนั่นแหละ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/05/55