ในช่วงที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือชุมชนคนเสื้อแดงทั้งหลายกำลังชุมนุมอยู่ในขณะนี้ มีข่าวลือเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละชั่วโมง บางครั้งมาจากแหล่งข่าวที่ไม่ได้กรองหรืออาจฟังตามๆกันมาโดยแหล่งที่มาไม่ชัดเจน คนร่วมชุมนุมก็สับสน คนคอยติดตามข่าวก็ลังเล จริงหรือเท็จแยกได้ยาก
ตอนเย็นวันที่ 14 มีนาคม 53 มีผู้หวังดีคนหนึ่งโทรศัพท์มาบอกว่าทหารกำลังเตรียมพร้อมเพื่อจะทำการปฏิวัติ ไม่นานนักก็มีอีกคนโทรมาบอกว่านายกรัฐมนตรีจะประกาศยุบสภาในก่อนเที่ยงวันของวันที่ 15 มีนาคม 53 อีกไม่นานก็มีข้อความปรากฎขึ้นว่าขณะนี้มีการปะทะกันระหว่างเสื้อแดงกับทหารมีคนล้มตายหลายคน เปิดดูโทรทัศน์ก็ไม่เห็นมีข่าวอะไรที่น่ากลัว ยิ่งโทรทัศน์ช่องหลักของไทยก็ยังนำเสนอละครยอดนิยมของแต่ละช่อง มีบ้างบางช่องนำเสนอบทวิเคราะห์ของนักวิชาการ ประมาณสองทุ่มเศษๆ กำลังฟังพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรโฟนอิน หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ มมร โทรมาบอกว่าให้ช่วยขึ้นประกาศหน้าเว็บไซต์ มมร ว่าอธิการบดีสั่งให้หยุดงานสองวัน จากนั้นก็มีโทรศัพท์อีกหลายสาย
เพื่อนพ้องน้องพี่จากต่างจังหวัดโทรมาสอบถามความเคลื่อนไหว และสอบถามเกี่ยวกับแนวโน้มของมหาเถรสมาคมว่ามีอะไรเกี่ยวกับการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ จากนั้นได้รายงานข่าวว่าตอนนี้พระภิกษุหัวใจสีแดงกำลังยกขบวนมาจากจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ อุดรธานี ฯลฯ หลายคันรถ ข่าวนี้ก็ไม่ยืนยันว่าเป็นข่าวจริงหรือข่าวลือ ดูจากข่าวโทรทัศน์ประมาณหนึ่งทุ่มบอกว่ามีคนเข้าร่วมชุมนุมไม่มากนักประมาณห้าหมื่นคน แต่พอเปิดดูอีกช่องของคนเสื้อแดงคำนวนด้วยสายตาคาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าแปดหมื่นคน แต่แกนนำบอกว่าเกินแสนคน
คนอยู่ร่วมกันจำนวนมากย่อมจะต้องมีหลายเสียง จริงบ้างเท็จบ้างคละเคล้ากันไป คนที่ฟังข่าวอยู่วงนอกก็ยิ่งต้องพิจารณาให้มากเพราะไม่แน่นักว่าอาจได้ฟังข่าวลือ ข่าวหลอก ข่าวลวง หรือที่นิยมเรียกว่าลับ ลวง พราง ดังนั้นข่าวอาจจะมีทั้งจริงและเท็จขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นนักข่าวอยู่ข้างฝ่ายไหน
ตลอดวันที่ 15 มีนาคม คอยติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์ มีการรายงานข่าวภาพนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวสรุปว่ายอมรับเงื่อนไขของฝ่าย นปช.ไม่ได้ จากนั้นก็มีข่าวของคนเสื้อแดงปราศัยด่ารัฐาบาลต่อไป ฝ่ายรัฐบาลก็ตอบโต้เป็นระยะๆ ข้อมูลไม่ค่อยตรงกัน พยายามฟังทั้งสองฝ่าย แตก็ยังแยกไม่ออกว่าข่าวไหนจริงข่าวไหนเท็จหรือข่าวไหนเป็นเพียงข่าวลือ
เรื่องของความเชื่อนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลมโคตร ชาวเกสปุตตนิคม ดังที่ปรากฎในเกสปุตตสูตร อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต (20/505/179)ความว่า “มาเถิดท่านทั้งหลายท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกตามอาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา
เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศลธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้วเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย ” นั่นเป็นสิ่งที่ผู้รับข่าวสารควรยึดถือไว้เป็นหลักการและใช้วิจารณญาณว่าข่าวนั้นควรเชื่อหรือไม่อย่างไร
มีท่านหนึ่งถามว่าไซเบอร์วนารามอยู่ฝ่ายไหน เว็บมาสเตอร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้นตรงๆแต่บอกว่า“โปรดสังเกตว่าไซเบอร์วนารามใชโทนสีเขียวมาตั้งแต่ต้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้สื่อข่าวที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการชุมนุมครั้งนี้" นักข่าวสรวมปลอกแขนสีเขียว......ฯ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
รายงาน
16/03/53