นานๆจะได้ยินเสียงนกฮูกร้อง ยิ่งในเวลากลางคืนที่เงียบสงัดเสียงนกฮูกร้องแทรกมากับบรรยากาศยามราตรีมันทำให้คิดถึงความตายและภูตผี เสียงร้องของนกฮูกช่างน่าโหยหวนน่ากลัวจริงๆ แต่บังเอิญว่าไม่ใช่คนกลัวผีจึงไม่ได้สะดุ้งตกใจอะไรมาก แต่ทว่าเจ้าเสียงนกฮูกที่ร้องในราตรีอันสงัดและคืนอันมืดมิดทำให้นอนไม่หลับ แต่ก็จนใจเพราะเสียงมันดังมาจากต้นไม้ใหญ่คงทำอะไรมันไม่ได้ จึงต้องทำใจใหม่คิดว่าเสียงของมันไพเราะเหมือนเสียงเพลงแห่งธรรมชาติที่กำลังขับกล่อม ไม่นานก็หลับสนิท
เสียงของสัตว์บางชนิดน่าฟัง แต่บางชนิดน่ากลัว บางชนิดฟังแล้วเพลิดเพลิน เช่นเสียงของนกเขาฟังแล้วมีความสุข แม้ว่ามันจะร้องทั้งวันก็ไม่เคยรู้สึกว่ารำคาญ เสียงนกจิ้งจอกแทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะแม้จะมีจำนวนหลายตัวแต่เสียงไม่ดัง นกกระจอกฝูงหนึ่งมักจะมาหากินเศษอาหารข้างๆห้องส่งเสียงทักทายกันสนุกสนานแต่ไม่ได้รู้สึกว่าน่ารำคาญ เสียงร้องของอีกาบ่งบอกให้รู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าอะไรบางอย่างมักจะมีคนตาย หากวันใดได้ยินเสียงอีการ้องที่ศาลาเมรุเผาศพ ไม่เกินสามวันมักจะมีคนตาย แต่เสียงนกฮูกนานๆครั้งจึงจะได้ยิน เสียงมันโหยหวนน่ากลัวเหมือนเสียงร้องของภูตผีแม้ว่าจะไม่เคยเห็นผีมาก่อน แต่ภาพในจินตนาการน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งที่ได้พบเห็นจริงๆ

มีเรื่องเล่าว่า “นกฮูกฝูงหนึ่งกำลังเตรียมตัวจะขนย้ายรัง จึงเก็บนั่นกวาดนี่วุ่นวายไปหมดส่งเสียงดังลั่น เพราะเมื่อจะย้ายบ้านสิ่งของบางอย่างเก็บไว้นานไม่เคยได้ใช้ก็นำออกมา จะนำไปด้วยก็ถือลำบาก ครั้นจะไม่นำไปก็เสียดาย เพื่อนบ้านซึ่งก็มีนกหลายชนิด ต่างก็เข้ามาถามว่า เกิดอะไรขึ้นพวกนกฮูกกำลังทำอะไรกัน นกฮูกตัวที่เป็นหัวหน้าจึงบอกว่าพวกเราจะย้ายบ้าน เพราะพวกมนุษย์เขาบ่นว่าพวกข้าร้องเสียงดังจนเกิดความรำคาญ และทำให้พวกเด็กๆกลัว เสียงของพวกข้าคงน่ากลัว พวกข้าจึงจะย้ายไปอยู่ที่อื่น พวกมนุษย์จะได้อยู่อย่างสงบ นกกระจอกตัวหนึ่งจึงบอกว่าอีกไม่นานพวกท่านก็คงต้องย้ายบ้านอีก
นกฮูกตัวหนึ่งหันมาถามว่าเพราะเหตุใดพวกข้าจึงจะต้องย้ายบ้านอีก พวกข้าย้ายมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งล้วนมาจากสาเหตุเดียวกันคือมนุษย์กลัวเสียงพวกข้าฯ
นกกรงหัวจุกตัวหนึ่งบอกว่าทางที่ดีพวกท่านย้ายไปอยู่ในถิ่นที่ไม่มีมนุษย์ เพราะหากยังมีมนุษย์พวกเขาก็คงจะบ่นให้พวกท่านได้ยินเหมือนเดิม ยกเว้นแต่พวกท่านจะเลิกร้องเสียงดังในเวลากลางคืน
นกฮูกฝูงนั้นมองไปที่คนอื่นโยนความผิดไปให้คนอื่นคือมนุษย์ แต่ไม่ได้มองมาที่ตนเอง หากมันไม่ร้องคนก็คงไม่กลัว หรือหากนกฮูกเปลี่ยนเสียงร้องใหม่ มนุษย์ก็คงไม่กลัว แต่การเปลี่ยนธรรมชาติที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมและสืบเชื้อสายกันมาหลายชั่วอายุนกฮูก ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน

มีคำคมที่ติดข้างต้นไม้วัดราชาธิวาสวิหาร ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ความว่า “ขาประจำ ฉันอิ่ม จิ้มฟัน ฉันน้ำชา นินทาสมภาร กิจสี่ประการเป็นงานอดิเรก” หลวงพ่อคงเข้าใจธรรมชาติของพระลูกวัดเป็นอย่างดี นัยหนึ่งเข้าใจอีกนัยหนึ่งเขียนเพื่อปรามไว้ก่อน การเป็นเจ้าอาวาสย่อมเป็นงานที่หนัก เพราะต้องเกี่ยวข้องกับกับผลประโยชน์ของทุกฝ่าย พระลูกวัดส่วนหนึ่งก็มักจะชอบนินทาสมภารจริงๆ เพราะการที่จำให้สมภารหรือเจ้าอาวาสทำแล้วถูกใจทุกฝ่ายนั้นคงทำได้ยาก เป้าหมายจึงพุ่งตรงไปที่สมภาร เรียกว่าหากมีความผิดอะไรเกิดขึ้นก็ส่งต่อไปให้สมภารเป็นผู้รับผิดชอบ คำว่า “สมภาร” มาจากคำในภาษาบาลีว่า “สมฺภาร” เป็นคำนามเพศชายแปลว่าการสะสม รวบรวม วัตถุ ของใช้” งานแทบทุกอย่างจึงมารวมกันอยู่ที่สมภาร ต่อมาคำว่าสมภารคนมักจะเรียกว่า “เจ้าอาวาส” หลวงพ่อพระพุทธพจนวราภรณ์(จันทร์) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงเขียนไว้ในมงคลชีวิตประสิทธิพร(พ.ศ.2541)ตอนหนึ่งว่า “มีพระไม่ดีเต็มวัด สู้พระปฏิบัติดีรูปเดียวไม่ได้,มีเหรียญเต็มอก กันตกนรกไม่ได้,ยอมรับสารภาพผิดดีกว่าคิดแก้ตัว ”

ส่วนประชาชนคนทำงานทั่วไปมีคำที่พูดติดปากอยู่ว่า “คุยนาน ทำงานน้อย คอยเวลา นินทาเจ้านาย” หากใครเห็นพนักงานกำลังจับกลุ่มคุยกันลองเข้าไปฟังดู มักจะหนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้ บางอย่างไม่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่เลยแต่ชอบคุยเฟื่อง นัยว่าเพื่อให้ลืมงานที่กำลังทำ คุยเป็นการพักผ่อน เพื่อรอเวลากลับบ้าน ประเด็นสุดท้ายคือนินทาเจ้านาย มักจะมีประเด็นให้นินทามากมาย เพราะหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาจะทำให้ถูกใจของพนักงานทุกคนนั้นคงยาก แต่ก็ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก แต่ก็ไม่แน่บางคนก็อาจจะทำเพื่อใครบางคนก็ได้ ยิ่งช่วงนี้กำลังมีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญบางมาตรายังไม่รู้ว่าทำเพื่อประชาชนจริงๆหรือว่ากำลังทำเพื่อใคร... อ้าวชักเริ่มจะเข้าเนื้อหันมานินทารัฐบาลซะนี่
คนส่วนหนึ่งมักเพ่งโทษผู้อื่นมองไปที่ความผิดของผู้อื่น ส่วนความผิดของตนเองไม่ค่อยมองเห็นในพระพุทธศาสนามีพุทธภาษิตแสดงไว้ว่าในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/28/34) ตอนหนึ่งว่า “ความผิดของผู้อื่นเห็นง่าย ฝ่ายของตนเห็นยาก เพราะว่าบุคคลนั้นย่อมโปรยโทษของคนอื่นดุจบุคคลโปรยแกลบ แต่ปกปิดโทษของตนไว้เหมือนนายพรานปกปิดอัตภาพด้วยกิ่งไม้ฉะนั้น” แปลมาจากภาษาบาลีว่า “สุทสฺสํ วชฺชมญฺเญสํ อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ ปเรสํ หิ วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐฯ คำว่า “วชฺช” เป็นคำนาม แปลว่าโทษ ความผิด เครื่องดนตรี สิ่งที่ควรเว้น หากเป็นคำคุณนามก็จะแปลว่า “อันเขาพึงกล่าว ควรพูดติ” คำว่าโทษและความผิดจึงใช้แทนกันได้

นกฮูกฝูงนั้นคงย้ายรังไปอยู่ที่แห่งใหม่แล้ว สถานที่แห่งนั้นก็คงสงบเงียบจากเสียงนกฮูกแต่อาจจะมีเสียงนกเค้าแมวมาแทนที่ สถานที่แห่งใหม่ที่นกฮูกย้ายไปอยู่คงถูกมนุษย์ขับไล่อีกครั้ง เพราะสิ่งที่ทำให้มนุษย์กลัวอยู่ที่เสียงร้องของนกฮูกเอง ส่วนนกฮูกที่ร้องในค่ำคืนที่ผ่านมาเงียบเสียงไปตั้งแต่เมื่อคืนนี่แล้ว ยังหวังไว้ในใจว่าในคืนวันต่อๆไปขอให้มันย้ายที่หนีไปอยู่ที่อื่น อย่ามาส่งเสียงร้องให้ได้ยินอีกเลย ได้ยินเสียงนกฮูกร้องแล้วนอนไม่ค่อยหลับ
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
24/02/55