ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

           ในช่วงนี้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศต้องใจจดใจจ่ออยู่กับข่าวน้ำท่วม  คนกรุงเทพฯเฝ้าติดตามข่าวว่าน้ำจะมาถึงเมื่อไหร่ บางพื้นที่มีคนไปออกันเต็มสะพานหรือคลองส่งน้ำ เฝ้าดูว่าแนวโน้มของน้ำจะไปทางไหน จะได้อพยพทัน ส่วนคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ถูกน้ำท่วมก็ต้องเฝ้าติดตามว่าพื้นที่ไหนบ้างกำลังเดือดร้อนจะได้ไปช่วยเหลือทัน แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ร่วมกันคือความเครียด ความเดือดร้อนที่เกิดจากภัยน้ำท่วม ผู้คนหวาดระแวงกันไปทั่วประเทศ บางแห่งกลัวสิ่งที่มากับน้ำ แถวบางบัวทอง นนทบุรีจับจระเข้าขนาดใหญ่ได้หลายตัว  กลัวน้ำยังไม่พอต้องมาเพิ่มความกลัวกับสัตว์ร้ายที่มากับน้ำเข้าไปอีก


          ภัยหรือสิ่งที่น่ากลัวที่มากับน้ำพระพุทธเจ้าทรงแสดงเปรียบเทียบแก่ภิกษุที่บวชในพระพุทธศาสนา การบวชเหมือนการลงสู่น้ำจะต้องประสบกับอันตรายที่มาพร้อมกับน้ำ ดังที่แสดงไว้ในจาตุมสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ (13/190/155)ความว่า  “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยสี่อย่างเมื่อบุคคลกำลังลงน้ำ พึงหวังได้คือภัยเพราะคลื่น ภัยเพราะจระเข้  ภัยเพราะน้ำวน  ภัยเพราะปลาร้าย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยสี่อย่างนี้แล เมื่อบุคคลกำลังลงน้ำ พึงหวังได้ ฉันใด  ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยสี่อย่างนี้ก็ฉันนั้น เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ ออกบวชเป็นบรรพชิตในธรรมวินัยนี้ พึงหวังได้ ภัยสี่อย่างคือภัยเพราะคลื่น  ภัยเพราะจระเข้  ภัยเพราะน้ำวน  ภัยเพราะปลาร้าย”

 

          วันหนึ่งนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาผ่านหน้าวัดอาวุธวิกสิตาราม ซึ่งตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเห็นสามเณรกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งมองกระแสน้ำที่กำลังจะล้นพนังกั้นน้ำ และมีบางส่วนไหลเข้าวัดบ้างแล้ว สามเณรก็เหมือนผู้ที่กำลังจะลงน้ำ ผู้ที่ลงสู่น้ำหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในท่ามกลางกระแสน้ำต้องระมัดระวังภัยทั้งสี่ประการเป็นเบื้องต้น และคงจะมีสิ่งที่น่ากลัวอื่นๆอีกมายหลายอย่าง  พระภิกษุผู้บวชในพระพุทธศาสนาก็ต้องสู้กับภัยทั้งสี่ประการเหมือนกัน แต่ทว่าความหมายต่างกัน ดังคำอธิบายที่แสดงและอธิบายความหมายของภัยต่างๆสรุปได้ดังนี้  “ภัยเพราะคลื่นหมายถึงกุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ ท่วมทับแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏได้ เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ย่อมตักเตือนสั่งสอนกุลบุตรนั้น ผู้บวชแล้วอย่างนั้นว่า ท่านพึงก้าวไปอย่างนี้ ท่านพึงถอยกลับ อย่างนี้ ท่านพึงแลอย่างนี้ ท่านพึงเหลียวอย่างนี้ ท่านพึงคู้เข้าอย่างนี้ ท่านพึงเหยียดออกอย่างนี้  ท่านพึงทรงสังฆาฏิ บาตรและจีวรอย่างนี้ กุลบุตรนั้นย่อมมีความดำริอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นคฤหัสถ์ ย่อมตักเตือนบ้าง สั่งสอนบ้าง ซึ่งคนอื่น ก็ภิกษุเหล่านี้ เพียงคราวบุตรคราวหลานของเรา ยังมาสำคัญการที่จะพึงตักเตือนพร่ำสอนเรา เขาจึงบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลายกุลบุตรผู้นี้เรากล่าวว่า กลัวแต่ภัยเพราะคลื่น แล้วบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าภัยเพราะคลื่นนี้ เป็นชื่อของความคับใจด้วยสามารถความโกรธ”
          ภยันตรายประการแรกของบรรพชิตคือการอดทนต่อคำสอนไม่ได้ เพราะไม่คุ้นเคยหรือผู้สอนมีอายุน้อยกว่า ยิ่งคนที่มีความรู้พอสมควร เมื่อมาบวชแล้วต้องเรียน ครูสอนบางท่านยังเป็นเด็กแต่จบนักธรรมเอกแล้ว พระบางรูปยอมรับไม่ได้ จึงหมดโอกาสที่จะได้ศึกษา ทิฐิพระ มานะกษัตริย์โบราณบอกว่าแก้ยาก

 

 

          ภัยเพราะจระเข้อธิบายว่า “กุลบุตรบางคน ในโลกนี้ มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ ท่วมทับแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้จะพึงปรากฏได้ เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายย่อมตักเตือนสั่งสอนกุลบุตรผู้บวชแล้วอย่างนั้นว่า สิ่งนี้ท่านควรเคี้ยวกิน สิ่งนี้ท่านไม่ควร เคี้ยวกิน สิ่งนี้ท่านควรฉัน สิ่งนี้ท่านไม่ควรฉัน สิ่งนี้ท่านควรลิ้ม สิ่งนี้ท่านไม่ควรลิ้ม สิ่งนี้ ท่านควรดื่ม สิ่งนี้ท่านไม่ควรดื่ม สิ่งเป็นกัปปิยะท่านควรเคี้ยวกิน สิ่งเป็นอกัปปิยะท่านไม่ควร เคี้ยวกิน สิ่งเป็นกัปปิยะท่านควรฉัน สิ่งเป็นอกัปปิยะท่านไม่ควรฉัน สิ่งเป็นกัปปิยะท่านควรลิ้ม  สิ่งเป็นอกัปปิยะท่านไม่ควรลิ้ม สิ่งเป็นกัปปิยะท่านควรดื่ม สิ่งเป็นอกัปปิยะท่านไม่ควรดื่ม ท่านควรเคี้ยวกินในกาล ท่านไม่ควรเคี้ยวกินในวิกาล ท่านควรฉันในกาล ท่านไม่ควรฉันในวิกาลท่านควรลิ้มในกาล ท่านไม่ควรลิ้มในวิกาล ท่านควรดื่มในกาล ท่านไม่ควรดื่มในวิกาล ดังนี้กุลบุตรนั้นย่อมมีความดำริอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นคฤหัสถ์ ปรารถนาจะเคี้ยวกินสิ่งใดก็เคี้ยวกิน  สิ่งนั้นได้ ไม่ปรารถนาจะเคี้ยวกินสิ่งใด ก็ไม่เคี้ยวกินสิ่งนั้นได้ ปรารถนาจะบริโภคสิ่งใด ก็บริโภคสิ่งนั้นได้ ไม่ปรารถนาจะบริโภคสิ่งใด ก็ไม่บริโภคสิ่งนั้นได้ ปรารถนาจะลิ้มสิ่งใด ก็ลิ้มสิ่งนั้นได้ ไม่ปรารภจะลิ้มสิ่งใด ก็ไม่ลิ้มสิ่งนั้นได้ ปรารถนาจะดื่มสิ่งใด ก็ดื่มสิ่งนั้นได้ ไม่ปรารถนาจะดื่มสิ่งใด ก็ไม่ดื่มสิ่งนั้นได้ จะเคี้ยวกินสิ่งเป็นกัปปิยะก็ได้ จะเคี้ยวกินสิ่งเป็นอกัปปิยะก็ได้ จะบริโภคสิ่งเป็นกัปปิยะก็ได้ จะบริโภคสิ่งเป็นอกัปปิยะก็ได้ จะลิ้มสิ่งเป็นกัปปิยะก็ได้ จะลิ้มสิ่งเป็นอกัปปิยะก็ได้ จะดื่มสิ่งเป็นกัปปิยะก็ได้ จะดื่มสิ่งเป็นอกัปปิยะก็ได้   จะเคี้ยวกินในกาลก็ได้ จะเคี้ยวกินในวิกาลก็ได้ จะบริโภคในกาลก็ได้ จะบริโภคในวิกาลก็ได้ จะลิ้มในกาลก็ได้ จะลิ้มในวิกาลก็ได้ จะดื่มในกาลก็ได้ จะดื่มในวิกาลก็ได้ ก็คฤหบดีทั้งหลาย ผู้มีศรัทธา ย่อมให้ของควรเคี้ยว ของควรบริโภคอันประณีตในวิกาลเวลากลางวัน อันใด แก่เราทั้งหลาย ชรอยภิกษุเหล่านั้นจะทำการห้ามปากในสิ่งนั้นเสีย ดังนี้ เขาจึงบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้นี้เรากล่าวว่า กลัวแต่ภัยเพราะจระเข้ บอกคืนสิกขาสึกไป  ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าภัยเพราะจระเข้นี้ เป็นชื่อของความเป็นผู้เห็นแก่ท้อง”  
          เรื่องการเป็นอยู่ของพระนี่ลำบาก อยากได้เย็นกลับได้ของร้อน แต่พออยากได้ร้อนกลับได้เย็น การที่จะได้ฉันอาหารตามที่ตนปรารถนานั้นไม่ค่อยมี ยิ่งชาวบ้านลำบากในช่วงน้ำท่วม พระสงฆ์ก็ต้องฉันพวกอาหารสำเร็จรูปเหมือนชาวบ้าน บางวัดยังจมอยู่ใต้น้ำเหมือนชาวบ้าน ลำบากเหมือนกัน

 

           ภัยเพราะน้ำวน หมายถึงกุลบุตรบางคนในโลกนี้ มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ ท่วมทับแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้จะพึงปรากฏได้ เขาบวชแล้วอย่างนี้เวลาเช้านุ่งสบงแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านหรือนิคม ไม่รักษากาย ไม่รักษาวาจา ไม่ดำรงสติ ไม่สำรวมอินทรีย์เลย เขาเห็นคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี ผู้เอิบอิ่มพร้อมพรั่งบำเรออยู่ด้วยกามคุณห้า ในบ้านหรือนิคมนั้น เขามีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นคฤหัสถ์เป็นผู้เอิบอิ่มพร้อมพรั่งบำเรออยู่ด้วยกามคุณห้า สมบัติก็มีอยู่ในสกุล เราสามารถจะบริโภคสมบัติ และทำบุญได้ ดังนี้ เขาจึงบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้นี้เรากล่าวว่าผู้กลัวต่อภัยเพราะน้ำวน บอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าภัยเพราะน้ำวนนี้ เป็นชื่อแห่งกามคุณห้า”   
           กามคุณท่านแสดงไว้ห้าประการคือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นสิ่งที่น่าใคร่ น่าปรารถนา น่าพอใจ ต้องทนกับสิ่งยั่วยวนเหล่านี้ให้ได้ ยิ่งในโลกยุคปัจจุบันที่สื่อมีอิทธิพลมาก รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทุกอย่างกลายเป็นสินค้า ยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ อาจจะต้องหลงตกไปอยู่ในวังน้ำวนได้ทุกเมื่อ

 

 

          ภัยเพราะปลาร้ายหมายถึงกุลบุตรบางคนในโลกนี้  มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิต ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นผู้อันทุกข์ครอบงำแล้ว เป็นผู้อัน   ทุกข์ท่วมทับแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏได้ เขาบวชแล้วอย่างนี้ เวลาเช้านุ่งสบงแล้วถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตยังบ้านหรือนิคม ไม่รักษากาย ไม่รักษาวาจา  ไม่ดำรงสติ ไม่สำรวมอินทรีย์เลย เขาย่อมเห็นมาตุคามผู้นุ่งผ้าไม่ดี หรือห่มผ้าไม่ดีในบ้าน หรือนิคมนั้น เพราะเหตุมาตุคามผู้นุ่งผ้าไม่ดี หรือห่มผ้าไม่ดี ความกำหนัดย่อมตามกำจัดจิตของกุลบุตรนั้น เขามีจิตอันความกำหนัดตามกำจัดแล้ว จึงบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรผู้นี้เรากล่าวว่า กลัวแต่ภัยเพราะปลาร้ายบอกคืนสิกขาสึกไป ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าภัย เพราะปลาร้ายนี้เป็นชื่อแห่งมาตุคาม”
          มาตุคามหมายถึงสตรีซึ่งท่านแสดงว่าเป็นมลทินของพรหมจรรย์ หากไม่ระวังก็เหมือนกับจมอยู่ในน้ำพร้อมที่จะถูกเหล่าปลาร้ายทั้งหลายจับกินเป็นอาหารได้ มาตุคามจึงเปรียบเหมือนกับปลาร้ายที่คอยจ้องจะกินเหยื่อ

 


           สรุปว่าในน้ำย่อมมีภัยสี่ประการคือ “ภัยเพราะคลื่น ภัยเพราะจระเข้  ภัยเพราะน้ำวน  ภัยเพราะปลาร้าย” ส่วนภิกษุก็ต้องระวังภัยสี่ประการเหมือนกันคือ "ภัยเพราะคลื่นคือความคับใจด้วยสามารถความโกรธ ภัยเพราะจระเข้คือความเป็นผู้เห็นแก่ท้อง ภัยเพราะน้ำวนคือกามคุณห้า และภัยเพราะปลาร้ายคือมาตุคาม” สามเณรที่โดยสารเรือมาด้วยกันในวันนั้นดูจะไม่เดือดร้อนกับข่าวน้ำท่วมนัก เนื่องเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นน้ำท่วมกรุงเทพฯมาก่อนเลย
          ทั้งคลื่น จระเข้หรือสัตว์ร้ายต่างๆ กระแสน้ำวน และปลาร้ายคือภัยที่มากับน้ำ ผู้ที่กำลังประสบกับภัยน้ำท่วมในช่วงนี้ก็ต้องคอยระวัง มีแนวโน้มว่าน้ำยังจะไหลนองท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกนาน เตรียมระวังและป้องกันไว้ก่อนย่อมจะดีที่สุด ช่วยตัวเองก่อน ก่อนที่คนอื่นจะมาช่วยเรา  ตอนนี้แม้วัดมัชฌันติการาม เขตบางซื่อน้ำจะยังไม่ท่วม แต่น้ำจะเริ่มนองตามถนนหน้าวัดแล้ว และได้ข่าวว่าเขตบางซื่อได้รับการประกาศให้เป็นเขตที่จะต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมเหมือนกัน มีบางแห่งน้ำเริ่มท่วมแล้ว แม้ว่าน้ำจะยังมาไม่ถึงก็ต้องเตรียมป้องกันภัยไว้ล่วงหน้า อีกไม่นานน้ำก็คงจะมาถึง แต่อาตมาคงไม่หนีไปไหนอยู่ในท่ามกลางน้ำท่วมนี่แหละ น้ำท่วมไม่นานก็คงลด แต่ภัยทั้งสี่ประการนั้นตราบใดที่ยังอยู่ในเพศบรรพชิตก็ต้องเฝ้าระมัดระวังตลอดไป
  

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
24/10/54

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก