หลังทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จตะวันเคลื่อนคล้อยกำลังจะลับเหลี่ยมหลังคาการเปรียญแล้ว แต่แสงสีทองยังสาดส่องกระทบกระเบื้องหลังคากลายเป็นภาพที่งดงามในท่ามกลางกรุงเทพมหานคร ความงามของธรรมชาติอยู่รอบๆตัวเรานี่เอง หากมองให้เป็นย่อมเห็นคุณค่า ความงดงามทั้งหลายอยู่ที่คนมอง กำลังชมสายัณห์สมัยเพลินๆก็พลันมีพระภิกษุรูปหนึ่งถามว่าที่เราสวดมนต์ในตอนเย็นทุกวันว่า “เรามีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราจะทำกรรมอะไรไว้เป็นบุญหรือบาปเราย่อมได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป” มาจากไหน แต่งขึ้นใหม่หรือมีมาจากพระไตรปิฎก ท่านคงเห็นว่าเราบวชมานานน่าจะตอบได้ แต่คำถามบางอย่างแม้จะบวชนานก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
เจอคำถามแบบนี้เข้าตอนนั้นตอบไม่ได้เหมือนกัน เคยสวดมานานแต่ไม่เคยใส่ใจสงสัยว่ามาจากไหน บางอย่างกระทำจนคุ้นเคยติดเป็นนิสัยไม่เคยคิดถึงที่มาที่ไป พอกลับเข้ากุฏิที่พักจึงลงมือค้นหาคำตอบ บางอย่างต้องรีบหาคำตอบปล่อยไว้นานไม่ได้ประเดี๋ยวก็จะลืม เริ่มต้นจากพระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย ก็พบถ้อยคำทำนองเดียวกันนี้แต่ไม่ตรงกันนัก ข้อความนี้มาจากจูฬกัมมวิภังคสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ (14/580-597/287-292) มีความว่า “ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ตอบคำถามของสุภมาณพ โตเทยยบุตรที่ถามพระพุทธเจ้าว่า “อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ ปรากฏความเลวและความประณีตคือมนุษย์ทั้งหลายย่อมปรากฏมีอายุสั้น มีอายุยืน มีโรคมาก มีโรคน้อย มีผิวพรรณทราม มีผิวพรรณงาม มีศักดาน้อย มีศักดามาก มีโภคะน้อย มีโภคะมาก เกิดในสกุลต่ำ เกิดในสกุลสูง ไร้ปัญญา มีปัญญา ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญอะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้พวกมนุษย์ที่เกิดเป็นมนุษย์อยู่ปรากฏความเลวและความประณีต”
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสตอบว่า “ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้” ภาษาบาลีว่า “กมฺมสฺสกา สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณา กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายาติ” ถ้อยคำใกล้เคียงกันนี้แหละที่พระสงฆ์สวดหลังทำวัตรทุกวัน
จากนั้นจึงขยายความว่าด้วยผลของกรรมต่อไปว่า “ดูกรมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีอายุสั้น
หากเป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วางศาตราได้ มีความละอาย ถึงความเอ็นดูอนุเคราะห์ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่ เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีอายุยืน
หากเป็นผู้มีปรกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือหรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาตราเขาตายไปจะเข้าถึงอบายทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีโรคมาก
หากเป็นผู้มีปรกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดินหรือท่อนไม้หรือศาตรา เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนมีโรคน้อย
หากเขาเป็นคนมักโกรธ มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่าเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท มาดร้าย ทำความโกรธ ความร้าย และความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็น มนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีผิวพรรณทราม
หากเขาเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความแค้นเคือง ถูกเขาว่ามากก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่มาดร้าย ไม่ทำความโกรธ ความร้ายและความขึ้งเคียดให้ปรากฏ เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนน่าเลื่อมใส
หากเขาเป็นผู้มีใจริษยาย่อมริษยามุ่งร้าย ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น เขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรกเพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนมีศักดาน้อย
เป็นผู้มีใจไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจอิจฉาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนมีศักดามาก
หากเขาไม่เป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อาศัย เครื่องตามประทีปแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรกเพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนมีโภคะน้อย
หากเขาเป็นผู้ให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย เครื่องตามประทีปแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนมีโภคะมาก
หากเขาเป็นคนกระด้างเย่อหยิ่ง ย่อมไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ไม่ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทางไม่สักการะคนที่ควรสักการะ ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือไม่บูชาคนที่ควรบูชา เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนเกิดในสกุลต่ำ
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตามเป็นคนไม่กระด้าง ไม่เย่อหยิ่ง ย่อมกราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ให้อาสนะแก่คนที่สมควรแก่อาสนะ ให้ทางแก่คนที่สมควรแก่ทางสักการะคนที่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ควรนับถือ บูชาคน ที่ควรบูชา เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆในภายหลังจะเป็นคนเกิดในสกุลสูง
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตามบุรุษก็ตาม ย่อมไม่เป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า อะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีปัญญาทราม
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม ย่อมเป็นผู้เข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน หรือว่าอะไรเมื่อทำย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขสิ้นกาลนาน เขาตายไปจะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อมสมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไปไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลังจะเป็นคนมีปัญญา
แม้เย็นวันนั้นจะยังไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนพระภิกษุรูปนั้น วันต่อไปคงต้องกลับไปตอบคำถามนั้น บางเรื่องตอบไม่ได้ทันทีแต่ก็พยายามหาคำตอบจนได้ หากศึกษาจากพระไตรปิฎกก็จะพบว่ามีที่มาที่ไป แม้บางครั้งจะอ่านยากเข้าใจยาก แต่บางทีการยกมาอ้างก็จะได้รับอรรถรสของการอ่าน แม้ว่าบทสวดในการทำวัตรของพระสงฆ์จะไม่ตรงกับถ้อยคำในพระไตรปิฎกทุกคำก็ตาม แต่ก็มีเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สรุปว่า “สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนก สัตว์ให้เลวและประณีต” มนุษย์จึงมีอายุยืน อายุสั้นรวย จน มียศมากหรือน้อย เกิดในต่างกัน มีปัญญาต่างกรรมเพราะทำกรรมไม่เหมือนกัน ทำกรรมทต่างกัน กรรมจึงเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ให้ต่างกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
23/08/54