ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

          มีนักศึกษาท่านหนึ่งโทรศัพท์มาถามว่า “วิธีแก้ปัญหาตามแนวธัมมจักกัปปวัตนสูตรคืออะไร” ฟังครั้งแรกก็ยังงงๆอยู่จับต้นสายปลายเหตุไม่ได้ แต่พอฟังไปสักพักจึงจับประเด็นได้ว่า คนที่ถามเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กำลังเรียนวิชาทางด้านศาสนา อาจารย์ให้ปัญหามาแล้วให้นำไปอภิปรายในอีกชั่วโมงหน้า นักศึกษาท่านนั้นบอกว่า เปิดดูเว็บไซต์ไซเบอร์วนารามแล้ว เข้าใจว่าเว็บมาสเตอร์คงมีความรู้สามารถตอบคำถามนี้ได้ วันนี้จึงลองทำหน้าที่เป็นศิราณีตอบปัญหาดูสักวัน
 

          จึงบอกท่านไปว่า “เนื่องจากธัมมจักกัปวัตนสูตร เป็นพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าแสดงครั้งแรก พระองค์ทรงแสดงแก่คือปัญจวัคคีย์ซึ่งเป็นนักบวชเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน จึงมีความเข้าใจในการปฏิบัติพอสมควร ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าปัญจวัคคีย์กำลังหาทางพ้นทุกข์เหมือนกัน  พระพุทธเจ้าจึงเรียกนักบวชเหล่านั้นว่าภิกษุเหมือนพระองค์ดังคำเริ่มต้นที่ปรากฎในมหาวรรคภาค (4/13/15) ความว่า “พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่ควรเสพคือ (1)การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย เป็นธรรมอันเลว เป็นของชาวบ้าน  เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์  (2) การประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตน เป็นความลำบาก ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
          จากนั้นจึงแสดงทางที่บรรพชิตควรดำเนิน ควรปฏิบัติคือทางสายกลางดังข้อความในพระสูตรว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น นั่นตถาคตได้  ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

 

 

          ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์แปดนี้แหละ คือปัญญาอันเห็นชอบ  ความดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตชอบ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้เพื่อนิพพาน" ในธัมมจักกัปวัตนสูตรเริ่มต้นด้วยการแสดงทางคือทางสายกลาง
          จากคำถามที่ถามถึงวิธีการแก้ปัญหาจะเริ่มต้นจากอะไร ในธัมมจักกัปวัตนสูตรแสดงหลักการที่เรียกว่าอริยสัจจสี่ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค หากจะคิดตามหลักการนี้ก็ต้องบอกว่า การแก้ปัญหาตามหลักการนี้เริ่มต้นที่ตัวปัญหานั่นคือทุกข์อันเป็นตัวผลหรือตัวปัญหาที่กำลังประสบในปัจจุบัน ทุกข์ท่านแสดงไว้ว่า (4/13/15) “ความเกิดก็เป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์” ทุกข์จึงเป็นตัวผล 
          เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชนั้นโอรสหรือลูกชายคือราหุลพึ่งลืมตาดูโลก แต่เจ้าชายสิทธัตถะตัดสินใจออกบวชตอนนั้นเลย เพราะหากขืนรอเวลาอีกต่อไปลูกนั่นแหละจะกลายเป็นห่วงที่แก้ไม่หลุด ปัญหาที่กำลังค้นหาในตอนนั้นคือทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์คือเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ จึงต้องหาที่มาของปัญหา

 


          ได้คำตอบว่าปัญหาของชีวิตมาจากสมุทัยคือตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา” สรุปได้สั้นๆว่า “อยากให้มา อยากให้อยู่ อยากให้ไป” สมุทัยจึงเป็นตัวเหตุให้เกิดทุกข์
          จากนั้นจึงหาวิธีการหรือทางที่จะหลุดพ้นจากตัวตัณหาจึงได้คำตอบว่าที่เรียกว่ามรรค คือปัญญาอันเห็นชอบ  ความดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตชอบ” มรรคหรือทางจึงเป็นตัวเหตุ 
         เมื่อดำเนินไปตามวิธีการหรือทางจึงจะเข้าสู่ความดับทุกข์นั่นคือนิโรธได้แก่ตัณหานั่นแลดับโดยไม่เหลือ  ด้วยมรรคคือวิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไปไม่พัวพัน” ความดับแห่งตัณหาคือความจึงเป็นผลมาจากการปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดหรือที่นิยมเรียกกันว่าทางสายกลาง         

          พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดุลย์ อตุโล) วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ สรุปอริยสัจสี่ไว้สั้นๆว่า “จิตที่ส่งออกนอกเป็นสมุทัย ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกเป็นทุกข์ จิตเห็นจิตเป็นมรรค ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตเป็นนิโรธ”           วันนั้นได้สรุปให้นักศึกษาท่านนั้นฟังสั้นๆว่า “การแก้ปัญหาตามแนวแห่งธัมมจักกัปวัตนสูตร จึงเริ่มต้นที่ปัญหา จากนั้นจึงสาวหาเหตุว่าปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ต้องได้คำตอบที่ถูกต้องเสียก่อน จึงคิดค้นหาทางหรือวิธีการในการแก้ปัญหา หากหาสาเหตุที่ถูกต้องและหาวิธีการที่ถูกต้องได้ การแก้ปัญหาก็จะตรงประเด็น”

 


           ปัญหาทางโลกที่แก้ไขกันไม่ได้สาเหตุหนึ่งจะมาจากการหาสาเหตุที่ไม่ถูกต้องเช่นแพทย์วินิจฉัยสาเหตุของโรคไม่ถูกต้อง เมื่อรักษาก็พลอยผิดพลาดไปด้วย หรือนักการเมืองวิเคราะห์สาเหตุปัญหาของบ้านเมืองผิดพลาด ดำเนินตามวิธีการที่ไม่ถูกต้อง การแก้ปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไขที่ถูกจุด  การหาสาเหตุของปัญหาที่ถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลสมักจะเต็มไปด้วยอคติคือความลำเอียงดังที่แสดงไว้ในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (11/246/186) มีสี่อย่างคือถึงความลำเอียงเพราะความรักใคร่กัน ถึงความลำเอียงเพราะความขัดเคืองกัน ถึงความลำเอียงเพราะความหลง ถึงความลำเอียงเพราะความกลัว” มนุษย์จึงมักจะคิดลำเอียงเข้าข้างตัวเองและพวกพร้องเสมอ
           ปัญหาทางโลกและปัญหาทางธรรมมีความลึกซึ้งต่างกัน ทางธรรมเป็นปัญหาทั้งหมดของชีวิต ส่วนทางโลกเป็นปัญหาของการดำเนินชีวิตซึ่งมีตัวแปรอีกหลายอย่าง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องเกี่ยวข้องกับผู้อื่นอีกมากมาย สาเหตุของปัญหาจึงแปรเปลี่ยนได้อยู่แทบทุกเวลา ปัญหาเก่ายังแก้ไขไม่ได้ปัญหาใหม่ตามาอีก โลกเลยยุ่งอินุงตุงนังกันไปหมดเพราะค้นหาสาเหตุที่แท้จริงไม่พบ หรือหากพบก็ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงประเด็น
          ส่วนปัญหาชีวิตในทางพระพุทธศาสนานั้นมองย้อนกลับเข้ามาภายในโดยสรุปปัญหาที่สำคัญที่สุดของมนุษย์สรุปลงที่อุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์ เมื่อวินิจฉัยปัญหาได้ถูกต้อง เลือกวิธีการได้ถูกต้องคืออริยมรรค จึงเดินไปถูกทางและปัญหาก็ได้รับการแก้ไขได้ถูกจุดนั่นคือนิโรธความดับทุกข์

 

 

          วันนั้นได้ตอบปัญหาของนักศึกษาท่านนั้นไปในทำนองนี้ ส่วนเขาฟังแล้วจะไปขยายความอย่างไรนั้นเป็นความคิดเห็นและการวิเคราะห์ตีความของแต่ละคน ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข บางอย่างแก้ที่คนอื่น บางอย่างแก้ที่ตัวเรา บางอย่างต้องใช้ใช้เวลายาวนาน อย่างเช่นพระพุทธเจ้าก็ใช้เวลาแก้ปัญหาชีวิตยาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ จึงคิดค้นวิธีการได้ถูกต้องและหลุดพ้นในที่สุด ส่วนมนุษย์ปุถุชนคนสามัญที่ยังมีแต่ปัญหาก็ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป
          ส่วนปัญหาอื่นๆที่มีคนถามมาทางอีเมล์ สมุดเยี่ยมหรือทางโทรศัพท์ ต้องขออภัยที่ยังตอบให้ไม่ทัน ทุกวันนี้มีคำถามทยอยมาเรื่อยๆ ทั้งปัญหาด้านภาษาบาลี ปัญหาธรรมะ ปัญหาสังคมหรือแม้แต่ปัญหาทางการเมือง ขออนุญาตไม่ตอบปัญหาทางการเมือง ส่วนปัญหาอื่นๆจะพยายามตอบในวันต่อๆไป เว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามกำลังจะกลายเป็น “ศิราณี” ตอบปัญหาแล้วหรืออย่างไร แต่ก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและส่งคำถามมา

 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
23/06/54

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก