ในช่วงเทศกาลต่างๆมักจะมีข่าวมีผู้คนบาดเจ็บ บางคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุต่างๆ สาเหตุหนึ่งมาจากการเมาสุรา ทำให้คนขาดสติ คึกคะนอง แม้ว่าทางราชการจะพยายามประชาสัมพันธ์ถึงโทษของสุรา บางแห่งถึงกับห้ามขายสุรา แต่ก็ยังมีคนเมาสุราและเกิดอุบัติเหตุให้เห็นอยู่เป็นประจำ บางคนไม่มีโอกาสได้ฉลองสงกรานต์ด้วยซ้ำ หรือบางคนเที่ยงงานสงกรานต์แล้วไม่มีโอกาสได้กลับมาทำงานอีกเลย
โทษของสุรามีปรากฎหลายแห่งในพระไตรปิฎก ที่แสดงถึงโทษของสุรานั้นมาจากกุมภชาดก ขุททกนิกาย (27/2291/404) ได้กล่าวถึงพระอินทร์หรือท้าวสักกะได้ปลอมตัวมาในเพศของพ่อค้านำสุราใส่หม้อเที่ยวประกาศขายจนไปถึงเมืองสาเกตุ ในช่วงนั้นพระเจ้าสัพพมิตต์เป็นกษัตริย์ครองเมือง เมื่อผ่านหน้าวังของพระเจ้าสัพพมิตต์จึงได้ถามว่าท่านขายอะไร
พ่อค้าคนนั้นจึงพรรณาสรรพคุณของสินค้าที่กำลังนำมาขายสรุปความว่า “บุคคลดื่มน้ำชนิดใด(สุรา)แล้วเดินโซเซตกลงไปยังบ่อ ถ้ำ หลุมน้ำครำและหลุมโสโครก พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้ ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น
คำว่า“น้ำชนิดนั้น”ในกุมภชาดกหมายถึงเหล้าหรือสุรา ต่อไปจะใช้คำว่า “สุรา” แทนคำว่า “น้ำชนิดนั้น” ซึ่งระบุไว้ในพระไตรปิฎก พ่อค้านั้นยังสาธยายขายสรรพคุณสินค้าซึ่งก็คือโทษของการดื่มสุรานั่นเองต่อไปว่า
คนดื่มสุราแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ในใจ เที่ยวหยำเปไปเหมือนโคกินกากสุราฉะนั้นเป็นเหมือนขาดที่พักพิง ย่อมฟ้อนรำได้ขับร้องได้
คนดื่มสุราแล้ว แก้ผ้าเปลือยกาย เที่ยวไปตามตรอก ตามถนน ในบ้านเหมือนชีเปลือย มีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย
คนดื่มสุราแล้วลุกขึ้นโซเซโคลงศีรษะ และยกแขนขึ้นร่ายรำ เหมือนรูปหุ่นไม้ฉะนั้น
คนดื่มสุราแล้วนอนจนถูกไฟไหม้ และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้ ย่อมถึงการถูกจองจำ ถูกฆ่า และความเสื่อมแห่งโภคะ
คนดื่มสุราแล้วพูดคำพูดที่ไม่ควรพูด นั่งพร่ำในที่ประชุม ปราศจากผ้าผ่อน เลอะเทอะนอนจมอยู่ในอาเจียนของตน มีแต่เรื่องฉิบหาย
คนดื่มสุราแล้ววางมาดเป็นคนสำคัญ นัยน์ตาขุ่นขวาง เข้าใจว่าบ้านเมืองเป็นของเราคนเดียว พระราชาแม้มีมหาสมุทรทั้งสี่เป็นขอบขัณฑสีมาก็ไม่เสมอเรา
คนดื่มสุราแล้วถือตัวจัด ก่อการทะเลาะวิวาท ยุยงส่อเสียด มีผิวพรรณน่าเกลียด เปลือยกายวิ่งไป อยู่อย่างนักเลงเก่า
ชนิดนี้(สุรา) ทำตระกูลทั้งหลายในโลกนี้ อันมั่งคั่งบริบูรณ์ มีเงินทองตั้งหลายพันให้ขาดทายาทได้ ข้าวเปลือก ทรัพย์สิน เงินทอง ไร่ นา โค กระบือในสกุลใดย่อมพินาศไป ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลายขาดสูญไป ก็เพราะดื่มสุรา
บุรุษดื่มสุราแล้วเป็นคนหยาบช้า ด่ามารดาบิดาได้ แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้
นารีดื่มสุราแล้วกลายเป็นคนกักขฬะ หยาบช้า ด่าพ่อผัว แม่ผัวและสามีได้ แม้เป็นทาส เป็นคนใช้พึงรับเป็นสามีของตนได้
บุรุษดื่มสุราแล้วฆ่าสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้ พึงไปสู่อบาย เพราะกรรมนั้น เป็นเหตุ
ชนทั้งหลายดื่มสุราแล้วประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา หรือทางใจได้ ย่อมไปสู่นรก เพราะประพฤติทุจริต
ชนทั้งหลายแม้จะยอมสละเงินเป็นอันมาก มาอ้อนวอนบุรุษใด ซึ่งไม่เคยดื่มสุราให้พูดเท็จย่อมไม่ได้ บุรุษนั้นครั้นดื่มสุราแล้วย่อมพูดเหลาะแหละเหลวไหลได้
คนรับใช้ดื่มสุราแล้ว เมื่อถูกเขาใช้ไปในกรณียกิจรีบด่วน ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ
ชนทั้งหลายดื่มสุราแล้วถึงจะเคยมีความละอายใจอยู่ ก็ย่อมจะทำความไม่ละอายให้ปรากฏได้ ถึงแม้จะเป็นคนมีปัญญาก็อดพูดมากไม่ได้
ชนทั้งหลายดื่มสุราแล้วนอนคนเดียวไม่มีเพื่อนคล้ายลูกสุกรนอนเดียวดาย ด้วยชาติกำเนิดอันต่ำฉะนั้น อดข้าวปลาอาหาร ย่อมเข้าถึงการนอน เป็นทุกข์อยู่กับแผ่นดิน สิ้นสง่าราศรี และต้องครหานินทา
ชนทั้งหลายดื่มน้ำชนิดใดแล้ว ย่อมนอนคอตก หาเป็นเหมือนโคที่ถูกปฏักฉะนั้นไม่ ฤทธิ์สุราย่อมทำให้คนอดทนได้ (ไม่กินข้าวกินน้ำ)
มนุษย์ทั้งหลาย ย่อมเว้นดื่มน้ำชนิดใด อันเปรียบด้วยงูมีพิษร้าย นรชนคนใดเล่าควรจะดื่มน้ำชนิดนั้นอันเป็นเช่นยาพิษมีในโลก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น
โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวณฑะดื่มสุราแล้ว พาหญิงไปบำเรออยู่ที่ริมฝั่งสมุทร ประหารกันและกันด้วยสาก ท่านจงซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้น
บุรพเทพคืออสูรทั้งหลาย ดื่มน้ำชนิดใดแล้วเมามาย จนจุติจากไตรทิพย์ คือดาวดึงสเทวโลก ยังสำคัญตนว่าเที่ยง เป็นไปกับด้วยอสุรมายา
ดูก่อนมหาราชเจ้า บุรุษผู้ฉลาดเช่นกับพระองค์ เมื่อทราบว่าน้ำดื่มชนิดนี้เป็นน้ำเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่มทำไม ในหม้อใบนี้ ไม่มีเนยข้น หรือน้ำผึ้ง พระองค์รู้อย่างนี้แล้วจงซื้อเสีย ดูก่อนท่านสัพพมิตต์สิ่งที่อยู่ในหม้อนี้ ข้าพเจ้าบอกแก่ท่านแล้วตามความเป็นจริงอย่างนี้แหละ”
สรรพคุณหรือโทษของสุราตามที่ท้าวสักกะหรือพระอินทร์พรรณาให้พระเจ้าสัพมิตต์ฟังในครั้งนั้นไม่น่าจะเป็นสินค้าที่ขายได้ โฆษณาอะไรกล่าวถึงแต่ผลร้ายของสินค้าที่ตนขาย แต่เท่าที่สาธยายมาก็เห็นว่าการดื่มสุรามีโทษมากกว่าจะมีประโยชน์ แต่คนบางคนก็ยังชอบดื่มสุรา นอกจากนั้นในปัจจุบันยังมีการโฆษณาที่บ่งถึงเงินที่เกิดจากการขายสุรานำไปสร้างชาติสร้างเยาวชน ช่วยเหลือการกีฬาเป็นต้น และคนที่ค้าขายสุราก็มักจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีติดอันดับต้นๆของเมืองไทย
กำลังอ่านโทษของสุราจากกุมภชาดกเพลินๆ ตาวีระชายชราวัยเกินเจ็ดสิบปีแล้วแวะมาหาเล่าให้ฟังว่า “ขณะที่ผมเดินมาจากปากซอยพวกหนุ่มๆกำลังดื่มเหล้าและร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน พอเห็นผมเดินผ่านมีหนุ่มคนหนึ่งร้องขึ้นว่า “คุณตามาดื่มเหล้าด้วยกัน” เนื่องจากผมตั้งใจจะมาวัดผมจึงตอบเขาไปว่า “ตาไม่ดื่มเหล้า ขอบใจมาก”จากนั้นผมก็ก้าวเดินต่อไป
เดินมาได้ไม่เกินห้าก้าวก็ได้ยินเสียงจากวงเหล้าแว่วมาว่า“ไม่กินเหล้าก็ไม่ใช่คน”ผมรู้สึกฉุนกึกและความโกรธแล่นขึ้นมาทันใด ผมหยุดและเดินกลับไปยังกลุ่มเด็กหนุ่มพวกนั้นทันที ในใจผมตอนนั้นรู้สึกไม่กลัวใคร เป็นอะไรเป็นกัน หนอยแนะมาหาว่าเราไมใช่คน
พอเดินกลับไปถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งยื่นแก้วเหล้าให้ คงคิดว่าผมเปลี่ยนใจอยากดื่มเหล้าขึ้นมา ผมจึงเอ่ยถามเขาไปว่า “ไม่กินเหล้าไม่ใช่คน แล้วข้าเป็นอะไร”ตอนนั้นอยากมีเรื่องเต็มทีโดยลืมนึกถึงสังขารของตัวเองไปแล้ว คนเราแก่แต่กายแต่ใจมันไม่ยอมแก่ไปด้วย
เด็กหนุ่มคนหนึ่งบอกผมด้วยประโยคที่ธรรมดาว่า “อ๋อ..เป็นเทวดา คนที่ไม่ดื่มเหล้าไม่ใช่คนแต่เป็นเทวดา” ดูท่าทางเขาพูดจากใจจริงไม่ได้เสแสร้างแกล้งพูด จากนั้นก็หันหน้าไปคุยกันกันต่อ ผมจึงหยิบแก้วเหล้าจากมือเขาและดื่มลงคอรวดเดียวหมดแก้ว
“อ้าวนึกว่าตาจะเป็นเทวดาอย่างเขาว่า ที่แท้ก็ยังเป็นคนอยู่หรือ” หลวงตาไซเบอร์เอ่ยขึ้น
ตาวีระหัวเราะเบาๆ “ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอย่างไร จะเดินกลับไปเฉยๆก็รู้สึกอายที่ไม่เจียมสังขาร อีกอย่างผมยังอยากเป็นคน ยังไม่อยากเป็นเทวดา”
ไม่ได้ถามตาวีระต่อไปว่าตกลงวันนั้นแกดื่มสุราอันว่าเหล้าหมดไปกี่แก้ว ถึงจะอายุมากก็ยังอยากเป็นคนไม่ยอมเป็นเทวดา
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
15/04/54