มีนักเขียนท่านหนึ่งใช้นามปากกาว่า “โมกขสิทธิ์” แวะมาหาและนำหนังสือมาถวายหนึ่งเล่มชื่อหนังสือคือ“รวยข้ามภพ สุขข้ามชาติ”คนเขียนบอกว่าเห็นชื่อทางเว็บไซต์ไซเบอร์วนารามจำได้เพราะยังใช้ชื่อเก่าที่พ่อตั้งให้ แม้จะฟังดูชนบทไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนเลย โมกขสิทธิ์จึงแวะมาเยือน เพื่อนเก่าท่านนี้จากกันไปนานร่วมสิบปีแล้ว ได้ข่าวเพียงแต่ว่าเคยไปทำงานที่กระทรวงศึกษาธิการพักหนึ่ง จากนั้นก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย วันหนึ่งได้รับโทรศัพท์และบอกว่าจะแวะมาหา กำหนดวันเวลานัดหมายได้เหมาะเจาะจึงได้พบปะสนทนากับนักเขียน
โมกขสิทธิ์บอกว่า “ผมจะยึดอาชีพเขียนหนังสือขาย ตอนนี้พึ่งออกมาเล่มแรกและมีโครงการที่กำลังเขียนอีกสามสี่เล่ม จากนั้นก็บอกชื่อเรื่องพร้อมทั้งเปิดคอมพิวเตอร์ให้ดูงานที่กำลังจะพิมพ์”เมื่อถามว่านักเขียนอย่างเดียวเป็นอาชีพได้ด้วยหรือ เขาบอกว่า “ผมจะลองดูเพราะมีความเชื่อมั่นว่ามีความรู้เพียงพอที่จะเขียน คือผมเขียนในสิ่งที่รู้ เขียนจากประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน เขายังบอกว่าที่คิดจะเขียนหนังสือนั้น ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามนี่แหละ” เขาบอกว่าเข้ามาอ่านบทความจากเว็บไซต์ไซเบอร์วนารามเป็นประจำ
จากนั้นก็เริ่มฟื้นความหลังให้ฟังว่า“มีครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนา วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงนั้นเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์ได้รับมอบหมายให้เป็นบรรณาธิการวารสารประจำมหาวิทยาลัย จึงมีหน้าที่ในการหาคนเขียนบทความทางพระพุทธศาสนา เพื่อลงพิมพ์ในวารสาร ช่วงนั้นยังมีงานเขียนลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอีกสามฉบับ หนึ่งสัปดาห์ต้องเขียนสามเรื่อง บรรณาธิการจำเป็นที่ไม่เคยเรียนวิชาว่าด้วยการเขียนมาจากที่ไหนเลย แต่ได้รับคำแนะนำจาก “ธรรมโฆษ” ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “ลีลาวดี”เป็นผู้ตรวจแก้ไขต้นฉบับให้ในการเริ่มเขียนครั้งแรก
ธรรมโฆษหรือศาสตราจารย์แสง จันทร์งามเมตตาแก้ไขให้ตามวิธีของท่านโดยใช้ปากกาสีแดงขีดเส้นใต้บ้าง วงกลมบ้าง ตอนนั้นเริ่มเขียนบทความครั้งแรก ธรรมโฆษแก้ไขสามครั้งแต่ละครั้งจะมีสีแดงมากกว่าสีดำ จนจำเรื่องเดิมแทบไม่ได้เกือบจะโยนทิ้งลงตระกร้าไปแล้ว แต่ครั้งที่สี่ท่านธรรมโฆษบอกว่าใช้ได้แล้ว และส่งไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ งานใดก็ตามหากไม่ท้อไม่ทิ้งเสียก่อน งานนั้นย่อมประสบความสำเร็จได้
จำได้ว่าดีใจมากที่มีบทความลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ครั้งแรก จึงพยายามเขียนตามคำแนะนำของธรรมโฆษ และได้ลงพิมพ์ทุกครั้งที่ส่งไป มีเพื่อนท่านหนึ่งอยากร่วมเขียนบ้างจึงได้ส่งต้นฉบับมาให้ ในฐานะบรรณาธิการได้แก้ไขตามที่เห็นสมควร และได้รับการตีพิมพ์ หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับมีกรอบของเขาอยู่ แต่ทว่าด้วยความหวังดีในครั้งนั้น เพื่อนคนนั้นไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่แก้ไขต้นฉบับบทความของเขา บทความอีกหลายฉบับต่อมาจึงได้นำไปให้ “ธรรมโฆษ”เป็นคนตรวจแก้ต้นฉบับให้ และเขาเขียนบทความทางหนังสือพิมพ์มาอีกหลายปี ส่วนเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์ฯก็เขียนบทความเผยแผ่ทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่มาอีกหลายปีเหมือนกัน ภายหลังจึงคิดได้ว่างานบรรณาธิการไม่เหมาะกับตัวเอง แก้ไขงานของตัวเองดีกว่าจะไปแก้ไขงานของคนอื่น แต่งานเขียนยังคงมีอยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ได้เผยแผ่ที่ไหน หากว่างเมื่อไหร่ก็จะเขียนซึ่งถือว่าการเขียนหนังสือป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง
เพื่อนคนนั้นก็คือ “โมกขสิทธิ์” ผู้เขียนหนังสือ “รวยข้ามภพ สุขข้ามชาติ” ที่เป็นแขกมาเยือนในวันนี้นั่นเอง
ธรรมโฆษ
เหตุการณ์นั้นผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ปัจจุบันมาเขียนเล่นๆเผยแผ่ทางเว็บไซต์ ซึ่งก็ไม่ต้องคิดมากเขียนตามเหตุการณ์และเขียนเพราะอยากเขียนเพื่อเผยแผ่พุทธธรรมจริงๆไม่ได้มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง ไม่เคยคิดที่จะเขียนหนังสือขายมาก่อนเลย เคยมีคนขอพิมพ์บทความบางเรื่องเพื่อแจก เคยอนุญาตไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเห็นหนังสือในชื่อของตนเองปรากฎเป็นรูปเล่มมาก่อนเลย
โอกาสของคนอยู่ที่ความสนใจจริงๆ “โมกขสิทธิ์” ไม่ทิ้งงานเขียน จนในที่สุดก็สามารถเขียนหนังสือขายได้ จึงน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาเขียนไว้ในคำนำอย่างน่าสนใจตอนหนึ่งว่า “การนำเอาเกร็ดประวัติข้อเท็จจริงของชีวิตและพุทธพจน์ มาอรรถาธิบายขยายความดีความงาม จำแนกวิธีปฏิบัติให้โลดแล่นบนโลกอักษร แสดงลักษณะดีชั่ว ทุกข์สุขและวิธีปฏิบัติที่ทำให้พ้นจากความทุกข์ยากอย่างยั่งยืน ให้ผู้หวังข้ามภพ สุขข้ามชาติเกิดมุมมองในแง่บวก มีสติคอยกระตุกเตือนให้รู้เท่าทันอารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทางรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส สามารถยับยั้งชั่งใจ แตะเบรคความคิดแย่ๆ หยุดจิตไม่ให้ถลำไปทำลายความดีของตนและบุคคลอื่น ให้ย่อยยับตามความอยากมี อยากได้ อยากเป็นซึ่งมีอันตรายร้ายแรงพอๆกับการฆ่าคนทั้งเป็น ผู้เขียนถือว่าการประกาศพุทธธรรมโดยอาศัยอักษรสร้างเครือข่ายความดีมีโอกาสงอกงาม ให้คนที่ยังไม่เลื่อมใสเกิดความเลื่อมใส เป็นสิ่งที่พุทธบริษัทสี่ผู้ถือหุ้นส่วนแห่งบุญ ควรร่วมกันเผยแผ่ให้แพร่หลาย”
มีเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้อ่านแล้วชอบใจคือเรื่อง “ถนนสายเศรษฐี”อ่านแล้วน่าคิดมีข้อความตอนหนึ่งว่า “โอกาสเดียวที่จะสามารถยืนอยู่บนถนนสายเศรษฐีให้ยืนยาวข้ามภพข้ามชาติ ไม่ตกลงสู่ภพภูมิสัตว์นรก เปรต และเดรัจฉานอีกด้วยการถนอมรักษาสมบัติที่ได้มาจากบุญเก่า นำมาเป็นสะพานบุญ สร้างกุศลกรรมปัจจุบันให้บริบูรณ์ ก่อนที่สมบัติจะกลายเป็นความวิบัติลุกลามกลายเป็นปัญหายากแก่การควบคุม” อาจเรียกได้ว่ารักษาบุญเดิม เพิ่มบุญใหม่ ที่ใครๆก็ทำได้ทุกคน
อีกเรื่องหนึ่งคือ “การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิต” เขียนไว้น่าสนใจว่า “ต้นทุนที่ทุกคนได้มาเหมือนกันือชีวิตเป็นทุนเดิมจากวิบากกรรมพื่อให้มาชดใช้กรรม มีความแตกต่างกันตามอำนาจของกรรม แต่สิ่งที่ได้เท่าเทียมกันคือความเป็นมนุษย์และโอกาสที่จะหักล้างหนี้กรรมเก่าพอกพูนกรรมใหม่.....คำถามว่า จะเลือกลุงทุนชีวิตอย่างไรให้เกิดกำไรสูงสุด....”
หนังสือเล่มนี้มีเรื่องดีๆให้อ่านถึงสามสิบเรื่อง ใครที่อยากรวยข้ามภพ สุขข้ามชาติ ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เผื่อจะมีโอกาสรวยบ้าง แต่สำหรับคนเขียนนามว่าโมกขสิทธิ์นั้นตอนนี้ยังไม่รวย แต่เขากล้าประกาศว่าจะยึดอาชีพเขียนหนังสือเลี้ยงชีพตลอดไป ใครที่ผ่านไปที่ร้านหนังสือพบเห็นหนังสือ “รวยข้ามภพ สุขข้ามชาติ”ช่วยอุดหนุนความตั้งใจจริงของคนเขียนหนังสือท่านนี้หน่อย.....เขาเป็นเพื่อนกับเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนาราม ฝึกเขียนหนังสือมาจาก “ธรรมโฆษ” ด้วยกัน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
10/04/54