ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

              ช่วงนี้ข่าวที่โด่งดังที่สุดข่าวหนึ่งนอกจากกีฬาเอเซียนเกมส์แล้วต้องยกให้ข่าวการพบซากทารกจำนวนมากกว่าสองพันศพ ที่วัดไผ่เงินโชตนาราม ถนนจันทน์ ซอย 43 แยก 22 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม แม้ว่าข่าวจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ผู้คนยังวิพากวิจารณ์กันไม่จบ เด็กเหล่านั้นไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก เพราะแม่ไม่ยอมให้เกิด ทำไมคนไทยจึงใจร้ายขนาดที่ต้องทำร้ายลูกตัวเองได้ลงคอ เด็กพวกนี้เขาทำความผิดอะไรทำไมจึงตายก่อนเกิด 


              ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นเมื่อไหร่นั้นมีคำตอบในอินทกสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค(15/803/248)ครั้งหนึ่งอินทกยักษ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลด้วยคาถาว่า "ถ้าท่านผู้รู้ทั้งหลายกล่าวว่า รูปหาใช่ชีพไม่ สัตว์นี้จะประสพร่างกายนี้ได้อย่างไรหนอ กระดูกและก้อนเนื้อ จะมาแต่ไหน สัตว์นี้จะติดอยู่ในครรภ์ได้อย่างไร"
              พระผู้มีพระภาคตรัสว่า"รูปนี้เป็นกลละก่อนจากกลละเป็นอัพพุทะ จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ จากเปสิเกิดเป็นฆนะจากฆนะเกิดเป็นห้าปุ่ม (ปัญจสาขา) ต่อจากนั้น มีผมขนและเล็บ (เป็นต้น) เกิดขึ้น มารดาของสัตว์ในครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารอย่างใด สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดา ก็ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยอาหารอย่างนั้นในครรภ์นั้น"

 

              หนังสือพจนานุกรมบาลีไทย ได้อธิบายความหมายของแต่ละคำไว้ดังนี้ คำว่า “กลละ” แปลว่ารูปกลละ รูปเริ่มแรกในการเกิดในครรภ์มารดา โคลนเลน (หน้า 149) ส่วนในอรรถกถาอินทกสูตรอธิบายไว้ว่า “กลละมีประมาณเท่าหยาดน้ำมันงาซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายเส้นด้ายที่ทำด้วยเส้นขนสัตว์สามเส้น ท่านกล่าวหมายความว่าหยาดแห่งน้ำมันงา เนยใส ใสไม่ขุ่นมัว ฉันใดเขาเรียกกันว่ากลละมีสีคล้ายกันฉันนั้น”ชีวิตน่าจะเริ่มต้นจากสภาพที่เป็นโคลนเลนแล้ว แม้จะยังไม่เป็นรูปร่าง หากทำแท้งในช่วงนี้คงมีเลือดที่มีสีเหมือนโคลนยังไม่เป็นซากร่างทารก
              อัพพุทะแปลว่าเนื้องอก ลูกในครรภ์ที่พึ่งปฏิสนธิได้สองอาทิตย์ เหตุแตกสามัคคี สถานที่ล้างบาป นรกขุมหนึ่ง ท่านอธิบายในอรรถกถาต่อไปว่า "เมื่อกลละนั้นล่วงไปเจ็ดวันก็มีสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ จึงชื่อว่า “อัมพุทะ” ชื่อว่า “กลละ” ก็หายไป สมดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่าเป็นกลละอยู่เจ็ดวัน ครั้นแก่ข้นขึ้นเปลี่ยนภาวะนั้นเกิดเป็น “อัมพุทะ”เริ่มมีเนื้องอกออกมาจากเลือดที่คล้ายโคลนเลนแล้ว

              เปสิแปลว่าชิ้นเล็กๆ  อรรถกถาอินทกสูตรอธิบายต่อไปว่า “เมื่ออัมพุทะนั้นล่วงไปเจ็ดวันก็เกิดเป็นเปสิคล้ายดีบุกเหลว เปสินั้นพึงแสดงด้วยน้ำตาลเม็ดพริกไทย จริงอยู่เด็กชาวบ้านถือเอาพริกไทยสุกทำเป็นห่อไว้ที่ชายผ้าขยำเอาแต่ส่วนที่ดีใส่ลงในกระเบื้องตากแดด  เม็ดพริกไทยนั้นแห้งๆ ย่อมหลุดตกเปลือกทั้งหมด เปสิมีรูปร่างอย่างนี้  ชื่อว่าอัมพุทะก็หายไป สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่า เป็นอัมพุทะอยู่เจ็ดวัน แก่ข้นขึ้นเปลี่ยนภาวะนั้นเกิดเป็นเปสิ”จากกลละแปรสภาพมาเป็นเปสิก้อนเนื้อใช้เวลาสามสัปดาห์ ตอนนี้มารดาคงรู้ตัวแล้วว่าตนเองตั้งครรภ์ หากคิดจะทำแท้งคงเริ่มคิดที่จะทำในช่วงนี้ 

                ฆนะแปลว่าค้อน เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่ใช้ประโคม เมฆ ร่างกาย ก้อน หนา แน่น แข็ง ทึบ ในอรรถกถาบรรยายต่อไปว่า “เมื่อเปสินั้นล่วงไปเจ็ดวัน  ก้อนเนื้อชื่อ  “ฆนะ”  มีสัณฐานเท่าไข่ไก่เกิดขึ้น ชื่อว่าเปสิก็หายไป สมดังที่ท่านกล่าวไว้ว่าเป็นเปสิอยู่เจ็ดวัน ครั้นแก่ข้นขึ้นเปลี่ยนภาวะนั้น เกิดเป็น “ฆนะ”สัณฐานแห่งฆนะเกิดขึ้นเพราะเหตุแห่งกรรมเหมือนไข่ไก่ เกิดเป็นก้อนกลมโดยรอบ” ผ่านไปอีกสี่สัปดาห์ชีวิตเริ่มก่อตัวเป็นก้อนเนื้อแล้ว แต่ยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไร          
              ปัญจสาขาแปลว่าห้าปุ่มได้แก่ศีรษะ แขนสองข้าง ขาสองข้าง ในสัปดาห์ที่ห้าเกิดปุ่มขึ้นห้าแห่งเพื่อเป็นมือและเท้าอย่างละสอง และเป็นศีรษะอีกหนึ่ง   มีคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า  “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ในสัปดาห์ที่ห้า ปุ่มตั้งขึ้นห้าแห่ง  ตามกรรมดังนี้  ต่อแต่นี้ไปทรงย่อพระเทศนาผ่านสัปดาห์ที่หก ที่เจ็ดเป็นต้น เมื่อจะทรงแสดงเอาเวลาที่ผ่านไปสี่สิบสองสัปดาห์  จึงตรัสว่า ผมเป็นต้น จากนั้นสายสะดือตั้งขึ้นจากสะดือของเด็กนั้นติดเป็นอันเดียวกับแผ่นท้องของมารดา สายสะดือนั้นเป็นรูเหมือนก้านบัว รสอาหารแล่นไปตามสายสะดือนั้น   ดังรูปซึ่งมีอาหารเป็นสมุฏฐานให้ตั้งขึ้น เด็กนั้นย่อมเป็นอยู่สิบเดือนด้วยประการฉะนี้" เด็กอยู่ในครรภ์มารดาเก้าถึงสิบเดือนเป็นอย่างมากจึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
              กระบวนการในการเกิดเป็นมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนักค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับ สำหรับมารดาที่ตั้งใจให้ลูกเกิดนั้นต้องคอยทนุถนอมเฝ้ารักษาครรภ์จนกระทั่งลูกเกิดมาเป็นมนุษย์ลืมตาดูโลก จากนั้นจึงค่อยดูแลเลี้ยงดูให้เติบโตตามลำดับ ทุกข์ยากลำบากอย่างไรก็ต้องคอยเลี้ยงดูเป็นเหมือนดวงใจของแม่

              ส่วนผู้ที่ตั้งครรภ์แล้วไม่ต้องการให้ลูกเกิดจึงทำแท้ง นั่นก็คือฆ่าลูกก่อนที่จะเกิดมาเป็นคน จะมีสาเหตุมาจากอะไรก็แล้วแต่ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ฆ่าอยู่นั่นเอง เพราะเขาเริ่มความเป็นมนุษย์ตั้งแต่เริ่มเป็น “กลละ”แล้ว เมื่อชีวิตเริ่มต้น การทำแท้งแม้จะถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม แต่ตามกฎแห่งสังสารวัฏย่อมไม่อาจจะปฏิเสธการฆ่าได้ คนที่กล้าฆ่าผู้บริสุทธิที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลยนั้น จิตใจต้องโหดเหี้ยมอำมหิต  
              ความเป็นมนุษย์เริ่มต้นที่ “กลละ” ดังที่มีแสดงไว้ในขุททกนิกาย มหานิทเทส (29/183/112) ว่า “มนุษย์ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไป ในกาลที่เป็นกลละบ้าง ในกาลที่เป็นน้ำล้างเนื้อบ้าง ในกาลที่เป็นชิ้นเนื้อบ้าง ในกาลที่เป็นก้อนเนื้อบ้าง ในกาลที่เป็นสาขาห้าแห่งบ้าง” แสดงว่าเมื่อเริ่มต้นถือปฏิสนธิแม้จะมีขนาดเท่าหยาดน้ำมันงาก็ต้องนับว่ากระบวนแห่งชีวิตเริ่มต้นแล้ว 
              แม้พอเกิดก็ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไปก็มี ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไปในเรือนที่คลอดก็มี ย่อมเคลื่อน ตาย หาย สลายไป ชีวิตครึ่งเดือนก็มี เดือนหนึ่งก็มี สองเดือนก็มี สามเดือนก็มี  สี่เดือนก็มี ห้าเดือนก็มี หกเดือนก็มี เจ็ดเดือนก็มี แปดเดือนก็มี เก้าเดือนก็มี สิบเดือนก็มี หนึ่งปีก็มี สองปีก็มี สามปีก็มี สี่ปีก็มี ห้าปีก็มี หกปีก็มี เจ็ดปีก็มี แปดปีก็มี เก้าปีก็มี สิบปีก็มี ยี่สิบปีก็มี สามสิบปีก็มี สี่สิบปีก็มี ห้าสิบปีก็มี หกสิบปีก็มี เจ็ดสิบปีก็มี แปดสิบปีก็มี เก้าสิบปีมี เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า มนุษย์ย่อมตายภายในหนึ่งร้อยปี

              คนที่มีอายุเกินหนึ่งร้อยปีก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่มีจำนวนน้อย ส่วนมากคนที่มีอายุเกินร้อยปีจะช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้แล้ว  การเกิดเป็นมนุษย์นั้นจึงยากยิ่ง พอเกิดมาแล้วก็เป็นอยู่ลำบากดังพุทธภาษิตในขุททกนิกาย ธรรมบท (25/24/39) ว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ  กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ”  แปลได้ความว่า  “การได้เฉพาะความเป็นมนุษย์ยาก ความเป็นอยู่ของสัตว์ทั้งหลายยาก” 
              สงสารทารกเหล่านั้นไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก ไม่มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ เพราะมีมนุษย์ใจร้ายทำร้ายชีวิตจึงตายก่อนเกิด ขอให้วิญญาณของพวกเขาไปจุติในครรภ์มารดาที่มีจิตใจแห่งความเป็นแม่เถิด อย่าไปถือกำเนิดในครรภ์ของหญิงใจร้ายอีกเลย มนุษย์แปลว่าผู้มีใจสูง คนที่ฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเองไม่ควรได้รับการเรียกขานว่าคนด้วยซ้ำ

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
25/11/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก