ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             ในแต่ละวันแต่ละเดือนคงมีวันคล้ายวันเกิดของใครหลายคน โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมนั้นมีวันคล้ายวันเกิดบุคคลสำคัญของโลกหลายท่าน วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2387 เป็นวันคล้ายวันเกิดของเฟรดริช นิทเช (Friedrich Wilhelm Nietzsche) นักปรัชญาชาวเยอรมันเชื่อกันว่าผู้วางรากฐานปรัชญา “โพสต์ โมเดิร์น” (Post Modernism) ปรัชญานี้มีผู้นิยมแปลเป็นภาษาไทยว่าปรัชญาหลังนวยุคหรือหลังนวสมัย ผู้มีส่วนสำคัญคนหนึ่งในการเริ่มต้นปรัชญาหลังนวยุคนิยมก็คือนิทเช่นี่แหละ ปรัชญาสายนี้เริ่มต้นในยุโรปโดยเฉพาะที่เยอรมัน 
             กำลังหาหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาหลังนวยุคหรือโพสต์ โมเดิร์นมาอ่าน เคยสนใจปรัชญาสายนี้มานานแล้ว พยายามเก็บสะสมหนังสือของนิทเช่ไว้หลายเล่ม แต่อ่านจบเพียงเล่มเดียวคือพจนาซาราทุสตร้า ซึ่งก็อ่านแล้วเข้าใจยากมาก แต่เพราะความยากนี่แหละที่ทำให้งานเขียนของเขามีเสน่ห์ ยิ่งยากยิ่งอยากอ่าน แต่งานของนิทเช่ที่แปลเป็นภาษาไทยมีน้อยมาก ตั้งใจว่าจะแปลสักเล่ม ที่มีในมือขณะนี้มีสองเล่มคือ “Human ,All  Too Human” จะแปลว่าอย่างไรดี “มนุษย์และมนุษยชาติหรือว่ามนุษย์เหนือมนุษย์” ก็ยังไม่เป็นที่ถูกใจ หาชื่อเรื่องภาษาไทยก็ยากแล้ว ยิ่งเนื้อหาที่มีถึง 638 เรื่อง 267 หน้า แม้จะเป็นเรื่องสั้นๆแต่ก็อ่านยากเต็มที และอีกเล่ม “Beyond Good and Evil”  น่าจะแปลได้ง่ายกว่าว่า “อยู่เหนือความดีและความชั่ว” แต่อ่านได้สักพักก็ต้องวาง จากนั้นก็หันไปอ่าน Angels & Demons ของ Dan Brown ที่มีคนแปลเป็นไทยว่า “เทวากับซาตาน” แทนอ่านง่ายกว่าสนุกกว่า  

             ในขณะที่กำลังหาหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาหลังนวยุคอยู่นั้นก็พบกับพจนาซาราทุสตร้า ของนิทเช่เข้า  นิทเช่เป็นนักปราชญ์ที่เริ่มตั้งคำถามและเริ่มปฏิเสธยุคแสงสว่างที่โดดเด่นคนหนึ่ง นักปรัชญาชาวเยอรมันผู้นี้ปฏิเสธความเชื่อทางศาสนาถึงกลับกล้าเขียนไว้ในหนังสือ “Thus spoke Zarathustra” ว่า “พระเจ้าตายแล้ว”  มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยสองฉบับและแปลต่างกันเล่มแรกแปลเป็นภาษาไทยว่า “พจนาซาราทุสตร้า” อีกเล่มแปลว่า “ดังนั้นพูดซาราธุสตร้า” ไปได้ต้นฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษมาเล่มหนึ่ง พยายามอ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่ไปไม่ถึงไหนคืออ่านยาก อ่านแล้วอ่านอีก ได้บันทึกเสียงฉบับแปลภาษาไทยจากนั้นก็เปิดฉบับภาษาอังกฤษพร้อมกับเปิดเสียงแปลไปด้วย เหตุผลอย่างหนึ่งคือได้เรียนภาษาอังกฤษไปด้วย
             เดิมทีปรัชญาตะวันตกยังคงเดินตามอิทธิพลของปรัชญากรีก แต่นิทเช่เป็นผู้แหกขนบธรรมเนียมนี้ เขาเป็นนักต่อต้านทุกสิ่ง วิพากษ์ตั้งแต่โซคราตีสไปจนถึงพระเจ้า ในผลงานเรื่อง “Thus spoke Zarathustra” นิทเช่บอกว่า "พระเจ้าตายแล้ว" เขาหมายความถึงศาสนาคริสต์ในโลกตะวันตก ไม่มีความหมายมาตั้งแต่ต้นคริสตศตวรรษที่ 18 แล้ว แม้แต่แดน บราวน์ก็ชอบวิพากย์คริสตศาสนาเหมือนกัน ยิ่งเรื่องเทวากับซาตานมีเรื่องของศาสนจักรเป็นแกนของเรื่องเลย นิทเช่มอว่าสังคมยุคใหม่ถูกขับเคลื่อนโดยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม แม้แต่ศีลธรรมก็เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากความอ่อนแอของตัวเองเพื่อใช้เป็นกฎเกณฑ์บังคับผู้อื่น ระเบียบกฎเกณฑ์ ประเพณีต่าง ๆ ก็เช่นเดียวกัน เพราะธรรมชาติของมนุษย์ต้องการอำนาจ ในโลกนี้ไม่มี "สิ่งจริงแท้"(Truth) ใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่การตีความ เมื่อไร้พระเจ้า ไร้ศีลธรรม ไร้กฎเกณฑ์ ไร้สาระ ไม่มีความจริงแท้ใด ๆ มนุษย์จึงต้องพึ่งตนเอง หรือเป็น “อภิมนุษย์" (Overman)  ชีวิตมนุษย์ล้วนแต่ไร้สาระและน่าเศร้า นิทเช่บอกว่าทางออกคือการพยายามสร้างชีวิตให้เป็นผลงานศิลปะซึ่งจะเป็นผลงานที่ไม่มีวันตาย เรียกว่าแม้ตัวตายแต่ชื่อยังอยู่ 

             นิทเช่เป็นศาสตราจารย์ด้านปรัชญาที่มหาวิทยาลัยบาเซิล (University of Basel) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกสิบปีต่อมาก็ต้องเกษียณอายุตัวเอง เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ และมีความคิดรุนแรงเข้ากับคนอื่นไม่ได้ ในช่วงสิบเอ็ดปีสุดท้ายของชีวิตเขาประสบปัญหาทางจิต จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2445 รวมอายุได้ 55 ปี หากนับเวลาถึงปัจจุบันก็เป็นเวลานานกว่า 108 ปีแล้ว แต่ผลงานของเขาก็มักจะได้รับการอ้างอิงและศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอ
             ในหนังสือคือพจนาซาราทุสตรา ฉบับแปลเป็นภาษาไทย นีทเช่ได้กล่าวถึงสิ่งที่ควรถูกสาปแช่งมากที่สุดในโลกนี้ไว้สามประการคือ “ความสุขทางเนื้อหนังมังสา ความกระหายอำนาจ และความเห็นแก่ตัว” ทั้งสามอย่างนี้คือสิ่งที่ถูกสาปแช่งมากที่สุด มีกิตติศัพท์เลวร้ายที่สุด และมีการโกหกเกี่ยวกับมันมาก
             เขาอธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า ความสุขทางเนื้อหนังคือเนื้อและก้างที่ตำคอผู้รังเกียจร่างกายจริงจังทั้งหลาย และถูกสาปแช่งประณามว่าเป็นเรื่องทางโลก มันเป็นไฟคุกรุ่นที่เผาไหม้ นอกจากนั้นยังเป็นความไร้เดียงสาและอิสรเสรีสำหรับหัวใจเสรี คือความรื่นรมย์ในวนแห่งโลก เหมือนยาพิษหวานสำหรับผู้ที่เหี่ยวแห้งร่วงโรยแล้ว แต่สำหรับผู้มีความต้องการแบบสิงโต มันคือยาบำรุงหัวใจขนานเยี่ยม

             ความกระหายอำนาจคือแส้ที่กระหน่ำโบยอย่างรุนแรงที่สุดในหมู่ผู้มีใจโหดเหี้ยม เป็นทัณฑ์ทรมานอันโหดร้ายที่มีไว้สำหรับคนโหดร้ายที่สุดโดยเฉพาะ คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์คลานหมอบราบคาบแก้วและยอมตนเป็นทาสเมื่ออยู่เบื้องหน้ามัน จะตามไปหลอกล่อแม้กระทั่งผู้บริสุทธิ์และผู้ปลีกวิเวก รวมทั้งขึ้นไปหาแม้แต่ผู้ที่อยู่สูงสุด
             ความเห็นแก่ตัวมักจะมาพร้อมกับความสุขทางเนื้อหนังและความกระหายอำนาจ เมื่อสามสิ่งเกิดขึ้นในบุคคลใดก็ยากที่จะเข้าถึงสัจจธรรมได้
             ความเห็นของนิทเช่อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ นักปรัชญากับนักศาสนามักจะมีแนวปฏิบัติที่แตกต่างกัน นักปรัชญาคิดเรื่องใหม่ๆได้ แต่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ตนคิดได้ ส่วนนักการศาสนาจะปฏิบัติและทดลองด้วยตนเองจนเกิดความเชื่อและปฏิบัติตามสิ่งที่ตนคิด ปรัชญากับศาสนาจึงต่างกัน ความคิดทางปรัชญาบางอย่างมาจากการวิพากย์ความเชื่อทางศาสนา และหลักคำสอนทางศาสนาบางอย่างก็กลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันของนักปรัชญา
             แม้ว่านิทเช่จะคิดมากจนได้ชื่อว่าเป็นคนเสียสติแต่สิ่งที่เขาคิดอย่างหนึ่งคือ “อภิมนุษย์” เขาจะให้นิยามความหมายอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาหาคำอธิบายจากผลงานต่างๆของเขาต่อไป แต่หากจะบอกว่าเขาเชื่อในศักยภาพของพลังภายในมนุษย์ที่สามารถพัฒนาจนกลายเป็นมนุษย์ที่เหนือมนุษย์ได้ บังเอิญพระพุทธศาสนามีคำตอบในเรื่องนี้โดยได้เปรียบเทียบมนุษย์ที่อยู่เหนือมนุษย์ได้โดยการพัฒนาจนกลายเป็นผู้รู้แจ้งนั่นคือการตรัสรู้เช่นพระพุทธเจ้า พระพุทธสาวกทั้งหลายเมื่อก่อนก็เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อพัฒนาจิตจนถึงระดับหนึ่งที่เรียกว่าเป็นพระอรหันต์ก็กลายเป็นอภิมนุษย์ แม้ว่าวิธีการของนิทเช่และพระพุทธศาสนาจะแตกต่างกัน แต่ว่ามีเป้าหมายคล้ายกัน

             วันที่ 15 ตุลาคม 2387 วันคล้ายวันเกิดของนิทเช่ หากนับถึงปัจจุบันก็เป็นเวลานานกว่า 166 ปี แต่วันที่ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์เกิดที่ประเทศไทยพึ่งผ่านไปไม่นานดูเหมือนว่าคนไทยส่วนหนึ่งไม่ค่อยอยากให้พูดถึง ผู้ที่สร้างผลงานอันทรงคุณค่าไว้ในโลก แม้จะตายไปแล้วหลายปีก็ยังมีคนคิดถึง ขอคารวะให้กับสิ่งที่นิทเช่คิด จากวันนี้ไปจะเริ่มต้นศึกษาปรัชญาหลังนวสมัยหรือโพสต์โมเดิร์นซึ่งเริ่มหาหนังสือของมิเซล ฟูโกต์ และดาริดามาอ่านแล้ว ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ในขณะที่เวลาที่มีอยู่ของชีวิตเริ่มเหลือน้อยลงทุกวัน 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
19/10/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก