ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

              เรื่องของความทุกข์ความโศกในโลกนี้คงไม่มีใครหนีพ้น จะยากดีมีจนอย่างไรก็ไม่มีใครหนีรอด บางคนอาจจะบอกว่าจะไปสนใจทำไมเรื่องของความทุกข์หาสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าหรือ ถ้าทำได้อย่างนั้นก็ไม่ต้องหวั่นวิตก ดำเนินชีวิตให้มีความสุขนั่นถูกต้องแล้ว แต่ทว่าเจ้าความทุกข์ก็ยังคอยตามมาหลอกหลอน เพราะสังขารทั้งหลายท่านบอกว่าตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่าทุกข์ สังขารนั่นแลคือตัวทุกข์ พระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นจากความทุกข์นี่แหละ แต่เพราะปัญญาในการค้นหาทางแห่งสันติสุขของพระพุทธองค์จึงทำให้โลกนี้แม้จะเต็มไปด้วยความทุกข์ก็ไม่ทำให้คนโศกเศร้าจนเกินไป เพราะเข้าใจในทุกข์นั่นเอง 
              สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์แปลมาจากภาษาบาลีว่า "สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา" ซึ่งพระสงฆ์มักจะใช้สวดในงานศพทั่วไป ไม่ได้สวดให้คนตายฟังแต่สวดเพื่อให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ฟัง แต่คนส่วนหนึ่งมักจะฟังเพียงเพราะเป็นพิธีกรรม แต่ทว่าเนื้อหาของภาษาบาลีประโยคนี้สามารถอธิบายขยายความได้มากดังที่แสดงไว้ในหนังสือธรรมวิจารณ์นักธรรมชั้นเอกได้จำแนกความเป็นทุกข์แห่งสังขารไว้ถึงสิบประการ หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีทางหนีจากความทุกข์พ้น เพียงแต่จะสามารถกำหนดรู้ทุกข์ได้หรือไม่เท่านั้นเอง ทุกข์นั่นเป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ คำอธิบายในเรื่องของทุกข์ทั้งสิบประการนั้นมีดังต่อไปนี้

              1.สภาวทุกข์ หรือทุกข์ประจำสังขาร  คือชาติ  ชรา  มรณะ ทุกข์ประเภทนี้มีด้วยกันทุกคน ทุกข์หมวดนี้  ดูเหมือนท่านหมายความถึงว่าการคลอดจากครรภ์มารดาที่เห็นว่าเด็กได้ความลำบากอย่างไร น่ากลัวเป็นอันตรายอย่างไรเป็นชาติทุกข์ ความทรุดโทรมแห่งสังขารทำความเป็นไปให้ลำบากเป็นชราทุกข์  ความสิ้นชีวิตมีเวทนากล้าแข็งนำหน้าเป็นมรณทุกข์  ฝ่ายพวกนักธรรมเข้าใจชาติทุกข์กว้างออกไปว่า ทุกข์อันซัดได้ว่ามีชาติเป็นมูลแล้ว จัดว่าเป็นชาติทุกข์ได้ทั้งนั้น ความเข้าใจอย่างนี้สมด้วยทุกข์อันกล่าวรวบยอด ดังจักแสดงข้างหน้า  ขัดต่อทุกข์อันแจกเป็นประเภท  มักเข้าใจมรณะว่าเป็นทุกข์  เพราะเป็นภัยน่าหวาดหวั่น
              2.ปกิณณกทุกข์หรือทุกข์จร  คือโสกะ  ปริเทวะ  ทุกขะโทมนัส  อุปายาส ทุกข์หมวดนี้นอกจากทุกข์เป็นส่วนเจตสิก  ที่กล่าวทั่วไปในบาลี เกิดเพราะพรากจากปิยารมณ์หรือมิได้สมหวัง ที่กล่าวเพิ่มในนิเทศแห่งทุกขอริยสัจ ดังจะจัดเข้าหมวดคือจัดทุกข์เกิดเพราะประจวบด้วยอัปปิยารมณ์  เป็นต้นว่าความอึดอัด  ขึ้งเคียด เกลียดชัง เป็นหมวดหนึ่งจัดโสกะ ปริเทวะ  อุปายาส  เข้าในหมวดแห่งทุกข์เกิดเพราะพรากจากปิยารมณ์จัดโทมนัสเข้าในหมวดแห่งปรารถนาไม่ได้สมหวังโดยนัยนี้น่าเห็นว่าเพิ่มขึ้นทีหลังบาลีเดิม  แต่ก็เป็นอันเพิ่มเข้าที  ส่วนทุกข์ในหมวดนี้  แก้ในนิเทศว่าความทุกข์ความไม่สบายทางกาย  หมายความว่าทุกข์เกิดเพราะพยาธิ  ไม่น่าจัดไว้ในหมวดนี้เลย ทั้งใช้ศัพท์ก็ซ้ำกับอุทเทส  ชะรอยจะเพิ่มเข้าใหม่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้น  ชะรอยจะเห็นว่าเป็นทุกข์จร  จึงสงเคราะห์เข้าไว้ในหมวดนี้
              สองหมวดนี้ แสดงไว้ในบาลีทั่วไป  ส่วนในนิเทศแห่งทุกขอริยสัจ  แสดงทุกข์หมวดที่สองเพิ่มออกไปอีก  คือประจวบด้วยคนหรือสิ่งอันไม่เป็นที่รัก  พรากจากคนหรือสิ่งอันเป็นที่รัก  ปรารถนาไม่ได้สมหวัง
          3. นิพัทธทุกข์คือทุกข์เนืองนิตย์  หรือทุกข์เป็นเจ้าเรือนได้แก่  หนาว  ร้อน  หิว  ระหาย  ปวดอุจจาระ  ปวดปัสสาวะ ทุกข์หมวดนี้ไม่ค่อยมีใครคำนึงถึงนักเพราะเป็นของระงับได้ง่าย แต่ถ้าเป็นรุนแรงก็เหลือที่จะทนอยู่ได้ ทุกคนคงเคยประสบกับทุกข์ประเภทนี้ด้วยกันทุกคน

             4.พยาธิทุกข์หรือทุกขเวทนา การเจ็บป่วยต่างๆที่เกิดขึ้นตามสมุฏฐานคืออวัยวะอันเป็นเจ้าการไม่ทำหน้าที่โดยปกตินิพัทธทุกข์และพยาธิทุกข์สองหมวดนี้แสดงไว้ในคิริมานันทสูตร  ตอนอาทีนวสัญญาโดยความเป็นโทษแห่งกาย
             5.สันตาปทุกข์ทุกข์คือความร้อนรุมหรือทุกข์ร้อน  ได้แก่ความกระวนกระวายใจเพราะถูกไฟคือกิเลส ราคะ โทสะ  โมหะแผดเผา ทุกข์หมวดนี้มาในอาทิตตปริยายสูตร กล่าวเลยไปถึงปกิณณกทุกข์ด้วยแต่ไม่เรียกว่าไฟเหมือนกิเลส ใช้กิริยาเพียงว่าเผาเหมือนกัน  ส่วนโสกะ  ปริเทวะ อุปายาส ดูเป็นผลสืบมาจากราคะ ในเมื่อไม่ได้ปิยารมณ์สมหวัง หรือในเมื่อได้แล้วมาพรากไปเสีย โทมนัส ดูเป็นผลสืบมาจากโทสะ  ทุกข์ จะจัดเป็นผลสืบมาจากโมหะก็ไม่สนิท เช่นนี้การจัดเป็นปกิณณกทุกข์เป็นไฟอีกกองหนึ่ง จึงไม่สนิท  น่าจัดเป็นทุกข์คงเดิม  เกิดเพราะถูกกิเลสเผา  ดุจความร้อนแสบอันเกิดเพราะถูกไฟลวก
              6. วิปากทุกข์หรือผลกรรม  ได้แก่วิปฏิสารคือความร้อนใจ การเสวยกรรมกรณ์ คือถูกลงอาชญา  ความฉิบหาย  ความตกยากและความตกอบาย  วิปากทุกข์มีปรากฎในพระไตรปิฎกหลายแห่ง
              7. สหคตทุกข์ทุกข์ไปด้วยกันหรือทุกข์กำกับกัน  ได้แก่ทุกข์มีเนื่องมาจากวิบุลผล  ดังแสดงในโลกธรรมสูตร  อัฏฐกังคุดรว่า  ลาภ  ยศ  สรรเสริญ สุข  เป็นทุกข์ละอย่าง ๆ   บางอาจารย์อธิบายว่า เป็นวิปริณามทุกข์คือได้ทุกข์เมื่อแปรเป็นอื่นไป  น่าเข้าใจว่า  มีลาภคือทรัพย์ ต้องเฝ้าต้องระวังจนไม่เป็นอันหลับนอนได้โดยปกติ เสียชีวิตในการป้องกันทรัพย์ก็มี มียศคือได้รับตั้งเป็นใหญ่กว่าคนสามัญเป็นชั้น ๆ ต้องเป็นอยู่เติบกว่าคนสามัญจำต้องมีทรัพย์มากเป็นกำลังมักหาได้ไม่พอใช้ ต้องมีภาระมาก เวลาไม่เป็นของตน  เป็นที่เกาะของผู้อื่นจนนุงนัง  ต้องพลอยสุขทุกข์ด้วยเขาได้รับสรรเสริญ  เหมือนดื่มเหล้าหวาน  ชวนจะเพลินไปว่าตนดี  ต้องมีสติระวังมิให้เมากล่าวคือเผลอตัว  ดื่มเหล้าเสียอีก  ผู้ดื่มยังอาจยั้งได้ส่วนสรรเสริญมาจากผู้ยั่วยวนอยู่เสมอ มีสุข  เป็นทางปรารถนายิ่งขึ้นจึงยังไม่อิ่ม เป็นอันไม่ได้สุขจริง วิบุลผลอย่างนี้ มีทุกข์กำกับอยู่ด้วย แสดงในโลกธรรมสูตรว่าเป็นทุกข์ก็จัดเป็นทุกข์ประเภทนี้

              8.  อาหารปริเยฏฐิทุกข์ คือทุกข์ในการหากิน ได้แก่อาชีวทุกข์คือทุกข์เนื่องด้วยการเลี้ยงชีวิต สัตว์ทั้งหลายย่อมแย่งกันหากิน  สัตว์ดิรัจฉานมีเนื้อเป็นภักษา ย่อมผลาญชีวิตชนิดเล็กกว่าตนเป็นอาหารย่อมสู้กันเองบ้าง  เพราะเหตุแห่งอาหาร  สัตว์มีหญ้าเป็นภักษา  ออกหากิน  ย่อมเสี่ยงต่ออันตราย  ย่อมหวาดเสียวเป็นนิตย์  ต้องคอยหลีกหนีศัตรู  หมู่มนุษย์มีการงานขัดทางแห่งกันและกัน ต่างคิดแข่งขันตัดรอนกันทำร้ายกัน ล้างผลาญชีวิตกัน เพราะเหตุแห่งอาชีวะก็มีได้เสวยทุกข์อันเป็นวิบากเนื่องมาจากอาชีวะก็มีเป็นอันมาก  แม้ผู้มีทางหาโดยไม่ต้องประกับผู้อื่น  แทบทุกคนยังรู้สึกว่า  หาได้ไม่พอเพื่อเป็นอยู่สะดวก  ทุกข์ชนิดนี้แสดงในบาลี  โดยเป็นสังเวควัตถุประการหนึ่ง
              9.  วิวาทมูลกทุกข์คือทุกข์มีวิวาทเป็นมูล  ได้แก่ความไม่โปร่งใจ ความกลัวแพ้  ความหวั่นหวาด  มีเนื่องมาจากทะเลาะกันก็ดี  สู้คดีกันก็ดี  รบกันก็ดี  แสดงในบาลีโดยความเป็นกามาทีนพคือโทษของกาม
              10. ทุกขขันธ์หรือทุกข์รอบยอด  หมายเอาสังขารคือประชุมเบญจขันธ์นั่นเอง  แสดงในบาลีธัมมจักกัปปวัตตนสูตรว่า  "โดยย่ออุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์"  แสดงในบาลีปฏิจจสมุปบาทว่า  "ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนั่น ย่อมมีด้วยอย่างนี้
         การพิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นทุกข์เต็มที่คือเห็นทุกข์หมวดนี้รู้จักใช้ญาณกำหนดเห็นทุกข์อย่างละเอียด ที่โลกเห็นเป็นสุขมีสหคตทุกข์ เป็นอุทาหรณ์ได้ในวชิราสูตร สังยุตตนิกาย  สคาถวรรค (15/555/167) ความจริงทุกข์เท่านั้นย่อมเกิด ทุกข์ย่อมตั้งอยู่และเสื่อมสิ้นไป นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรดับ”ทุกข์ในหมวดนี้ ท่านจัดความเป็นสภาพถูกความเกิดและความสิ้นบีบคั้น  เป็นทุกขลักขณะเป็นเครื่องกำหนดว่าเป็นทุกข์แห่งสังขาร

              ทุกขลักขณะนี้  ย่อมได้เฉพาะในอุปาทินนกสังขาร  คือจำพวกสัตว์ แต่บางท่านปรารถนาให้ได้ในอนุปาทินนกะด้วย  ด้วยดัดความว่า ผู้เข้าไปยึดด้วยอุปาทานทนได้ยาก ไม่สมกับอุปาทินนกะเป็นทุกข์  เพราะเป็นผู้เสวยเอง  บางท่านแสดงความเฉาความซีดแห่งใบแห่งต้นไม้ว่า  เป็นอาการเสวยทุกข์ของมัน  ไม่สมกันทุกข์จัดเป็นเจตสิกธรรม
              วันนี้ฟังคำอธิบายของพระเถราจารย์สำนวนฟังดูโบราณแต่อธิบายได้ชัดเจน แม้ว่าคนรุ่นใหม่จะอ่านแล้วฟังไม่รื่นหูนักแต่เนื้อหาถูกต้อง หากศึกษาโดยละเอียดแล้วความทุกข์บางอย่างอาจจะมองไม่เห็นเพราะถูกธรรมชาติผิดบังซ่อนเร้นอย่างมิดชิด หากคิดไม่แยบคายจะหมายเอาว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ทุกข์ก็คือสิ่งที่มีอยู่ตามปกติของโลกนั่นแหละ หากเข้าใจเรื่องของทุกข์แล้วจะเศร้าโศกกับโลกไปทำไม พอใจยินดีกับสิ่งที่ปรากฎและกำหนดให้รู้ตามเป็นจริง ชีวิตนี้แม้จะประสบกับความทุกข์ก็จะไม่โศก เพราะโลกและสังขารทั้งหลายทั้งปวงก็คือกองแห่งทุกข์นั่นเอง


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
12/10/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก