ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             คำสอนของพระพุทธศาสนาในเบื้องต้นมักจะเน้นที่ทาน ศีล ภาวนา เรื่องของการให้ทานและรักษาศีลเป็นที่เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ทำยาก ส่วนการภาวนาต้องแยกกล่าวให้มีความแตกต่างออกไป เพราะมีวิธีการที่จะต้องอาศัยท่านผู้รู้คอยให้คำแนะนำ  แต่ถ้าภาวนาเพื่อทำให้เกิดความสงบใจนั้นไม่ต้องมีใครสอนก็ทำได้ เพียงแต่อยู่นิ่งๆและก็เลิกคิดปล่อยให้จิตทำหน้าที่ไป หากเลิกคิดได้ใจก็จะสงบเพราะธรรมชาติของจิตนั้นผุดผ่องอยู่แล้ว 
             ในส่วนของผู้ให้ทานและได้รับการยกย่องว่าเป็นเลิศกว่าผู้ถวายทานทั้งหลายนั้นต้องยกให้อนาถปิณฑิกเศรษฐี ดังที่ปรากฎในอังคุตรนิกาย เอกนิบาต (20/151/26) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุทัตตอนาถปิณฑิกคฤหบดี เลิศกว่าพวกอุบาสกสาวกของเราผู้ถวายทาน” 

             อัตตชีวประวัติของอนาถปิณฑิกเศรษฐีนั้นน่าสนใจเขาเป็นผู้สร้างเชตวันมหาวิหาร ที่เมืองสาวัตถี ถวายพระพุทธศาสนา โดยลงทุนซื้อที่ดินจากเจ้าเชตด้วยการนำเงินมาวางจนเต็มพื้นที่เท่าที่จะสามารถวางได้จนกระทั่งเงินที่มีอยู่หมดสิ้น จึงได้ที่ดินมาหลายไร่แต่เงินหมดก่อน เจ้าเชตเห็นเจตนาอันเป็นกุศลจึงได้ถวายที่ดินที่เหลือเพื่อให้เศรษฐีสร้างวัด แต่ขอให้ชื่อของตนเองเป็นชื่อวัด ดังนั้นวัดนั้นจึงได้ชื่อว่า “เชตวนาราม หรือวัดเชตวัน”  ส่วนคนสร้างไม่มีชื่อปรากฎเลย ที่เมืองสาวัตถีนี้พระพุทธเจ้าทรงอยู่จำพรรษานานกว่ายี่สิบห้าปี สลับกันระหว่างวัดเชตวันและวัดบุปผาราม
             อนาถปิณฑิกเศรษฐียังคงทำบุญโดยการถวายทานทำบุญในพระพุทธศาสนาและตั้งโรงทานเพื่อคนอนาถาทั้งหลาย ได้ชื่อว่าเป็นเศรษฐีที่ใจบุญที่สุดในยุคนั้น จนกระทั่งปั้นปลายได้เสียชีวิตและได้ไปบังเกิดยังสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อเห็นสมบัติที่ตนได้เพราะการทำบุญในพระพุทธศาสนาจึงได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าดังที่ปรากฎในอนาถปิณฑิโกวาทสุตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ (14/738/353) ความว่า “ครั้งนั้นล่วงปฐมยามไปแล้ว  อนาถบิณฑิกเทพบุตรมีรัศมีงามส่องพระวิหารเชตวันให้สว่างทั่ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ  แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค  ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง  พอยืนเรียบร้อยแล้ว  ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาเหล่านี้ว่า 

              “พระเชตวันนี้มีประโยชน์  อันสงฆ์ผู้แสวงบุญอยู่อาศัยแล้วอันพระองค์ผู้เป็นธรรมราชาประทับ  เป็นที่เกิดปีติแก่ข้าพระองค์สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยธรรมห้าอย่างนี้คือกรรม  วิชชา  ธรรม   ศีล  ชีวิตอุดม   ไม่ใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตรหรือด้วยทรัพย์  เพราะฉะนั้นแลบุคคลผู้เป็นบัณฑิต  เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน  พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย จะบริสุทธิ์ในธรรมนั้นได้ด้วยอาการนี้”              สาระสำคัญในพระสูตรนี้สรุปได้ว่าคนจะบริสุทธิ์หรือจะเป็นคนดีหรือไม่นั้นมาจากสาเหตุห้าประการ  
             คำว่า “กรรม” มาจากภาษาบาลีว่า “กมฺม” แปลว่า  กรรม การกระทำ การงาน  คนเราจะบริสุทธิ์หรือสมบูรณ์มีคุณค่าให้ดูที่การกระทำหรือการงานที่เขาทำ กรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอนาคตของแต่ละคน สามารถคาดเดาอนาคนของแต่ละบุคคลได้ คนที่ชอบทำบุญอนาคตที่คาดหวังได้ก็คือความสุขหรือแดนแห่งสวรรค์นั่นเอง 
             คำว่า “วิชชา” แปลเป็นภาษาไทยว่าความรู้  ที่เรียนกันในระบบโรงเรียนปัจจุบันเรียกว่าเป็นความรู้อย่างหนึ่งที่ทำให้คนเรานำไปประกอบอาชีพได้ ส่วนวิชาในการดำเนินชีวิตนั้นต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะไม่ได้เรียนจบจากสถาบันการศึกษาใดๆเลยก็ได้แต่ก็มีความรู้ในการทำมาหาเลี้ยงชีพและสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขก็ได้ ในพระพุทธศาสนาได้อธิบายคำว่า “วิชชา” หมายถึงความรู้แจ้งหรือความรู้วิเศษไว้ถึงแปดประการในทีฆนิกาย สีลขันธวรรค(9/131/72) คือวิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อิทธิวิธี ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ทิพพจักขุและอาสวักขยญาณ” ความรู้วิเศษเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการบำเพ็ญภาวนาหรือการฝึกอบรมจิตตามลำดับ

             ส่วนคำว่า “ชีวิตอันอุดม” หมายถึงชีวิตที่ปราศจากมลทินความเศร้าหมองต่างๆ ชีวิตแบบนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ยิ่งสังคมโลกในปัจจุบันมีสิ่งยั่วยวนมาก หากไม่ตั้งใจจริงมีหวังหลงไปในวังวนแห่งความมัวเมาได้ทุกเมื่อ
             ใครก็ตามหากดำเนินชีวิตตามธรรมทั้งห้าประการก็จะสามารถนำไปสู่ความบริสุทธิ์สมบูรณ์ได้ จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบที่สำคัญที่จะทำให้คนดีหรือไม่นั้นคือการมีธรรมหรือคุณธรรมประจำใจ มิใช่อยู่ที่การมีทรัพย์สมบัติแต่ประการใด ดังที่มีกวีท่านหนึ่งได้เขียนเป็นบทกลอนสอนใจไว้อย่างน่าใจว่า
                                       อันคนดีมิใช่ดีด้วยที่ทรัพย์              มิใช่นับโคตรเหง้าเหล่าพงศา
                                       คนดีนี้ดีด้วยการงานนานา              อีกวิชาศีลธรรมนำให้ดี ฯ

             อนาถปิณฑิกเศรษฐีทำคุณงามความดีมาตลอดชีวิต สร้างวัดถวายไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ปัจจุบันวัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย ก็ยังมีคนไปเยือนไม่เคยขาด เขาทำดีเพื่อความดีจริงๆ แม้แต่ชื่อวัดที่ตนเองสร้างแท้ๆก็ยังเป็นชื่อของคนอื่นๆ การทำดีนั้นจึงไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะใครคนใดคนหนึ่ง การกระทำของแต่ละบุคคลนั่นแหละจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนเช่นไร การกระทำ วิชาความรู้ ธรรม  ศีล ชีวิตอุดมจะเป็นเครื่องบอกถึงอนาคต
 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
07/10/53

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก