ในยุคที่พระอรหันต์หายาก บางครั้งก็ไม่แน่ใจว่าพระภิกษุที่มีคนเล่าลือกันนั้น ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆหรือไม่ ทั้งๆที่เรามีพระอรหันต์อยู่ใกล้ตัวแต่กลับไม่ค่อยมีใครคิดถึง คนบางคนมีพระอรหันต์อยู่ในบ้านแท้ๆแต่กลับไปแสวงหาพระอรหันต์จากภายนอกบางคนเดินทางไกลหลายพันกิโลเมตรเพียงเพราะจะไปไหว้พระที่มีคนเล่าลือกันว่าเป็นพระอรหันต์
เมื่อเรื่องเรื่องต่อๆกันมาว่าคุณนายคนหนึ่งเป็นคนใจบุญชอบทำบุญ ตอนเช้าใส่บาตรพระ จากนั้นก็นำอาหารไปถวายพระถึงที่วัด นั่งคุยสนทนากับหลวงพ่อเจ้าอาวาสอยู่เป็นประจำ พระภิกษุในวัดต่างก็ทราบกิตติศัพท์นี้ดี ในพรรษาหนึ่งมีพระภิกษุบวชใหม่รูปหนึ่งบ้านอยู่ใกล้ๆกับคุณนายมาบวชและจำพรรษาที่กุฏิหลวงพ่อได้เล่าให้ท่านเจ้าอาวาสฟังว่า คุณนายคนนี้มีแม่อยู่คนหนึ่งซึ่งแก่มากแล้วมีสติหลงๆลืมๆ คุณนายได้นำแม่ไปไว้ที่กระท่อมหลังบ้าน ให้แม่เป็นอยู่อย่างลำบาก เพราะธรรมชาติของคนแก่ย่อมหลงๆลืมๆเป็นธรรมดา กินแล้วก็บอกว่าไม่ได้กิน แถมยังด่าคุณนายที่เป็นลูกสาวต่างๆนานา ทำให้คุณนายอับอายขายหน้า
หลวงพ่อเจ้าอาวาสต้องการรู้ข้อเท็จจริงจึงส่งคนไปสืบดูและก็รู้ว่าเรื่องที่พระใหม่เล่าให้ฟังนั้นเป็นเรื่องจริง แรกๆก็สนใจดูแลอย่างดีแต่พอนานๆเข้าก็ไม่ค่อยสนใจเอาใจใส่ดูแลแม่ตนเองสักเท่าใดนัก แต่กลับสนใจการทำบุญโดยเฉพาะกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสมากกว่า โดยการบริจาคเงินบ้างหรือช่วยงานวัดอยู่มิได้ขาด
วันหนึ่งหลวงพ่อจึงไปเยี่ยมคุณนายที่บ้าน พลางถามว่า “พระอรหันต์ที่บ้านมีไหม” คุณนายก็บอกว่ามีมากมายเลยเจ้าคะ ทั้งพระเก่าพระใหม่ เหรียญหลวงพ่อดังๆก็มีมาก บางองค์มีคนยอมรับว่าเป็นพระอรหันต์ในยุคปัจจุบันนี้ด้วยเช่นเหรียญหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อสด หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว เป็นต้น ดิฉันเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง”
หลวงพ่อก็บอกว่าโยมดูและพระอรหันต์ที่บ้านให้ดีหรือยัง คุณนายก็ตอบว่าดูแลดีแล้วเจ้าค่ะ วันนั้นสนทนากันเท่านั้นหลวงพ่อก็กลับวัด วันต่อๆมาคุณนายก็ยังมีชวนหลวงพ่อสนทนาถึงพระเครื่องต่างๆอีก หลวงพ่อได้แต่ยิ้ม
หลายวันต่อมา หลวงพ่อได้ทราบข่าวว่าคุณนายไม่ค่อยสบายจึงไปเยี่ยมเยือน เมื่อถามสารทุกข์สุกดิบตามธรรมเนียมแล้ว หลวงพ่อได้โอกาสจึงถามคำถามเดิมว่า “พระอรหันต์ที่บ้านโยมดูแลดีหรือยัง”คุณนายก็ตอบว่าดูแลดีแล้วเจ้าค่ะ ดิฉันนำดอกไม้บูชาไว้บนหิ้งพระอย่างดี
หลวงพ่อจึงบอกว่า “พระอรหันต์ที่อาตมาพูดถึงหมายถึงแม่ ซึ่งเปรียบเหมือนพระอรหันต์ในบ้าน โยมดูแลเอาใจใส่ดีหรือยัง” คุณนายสะดุ้ง เพราะลืมคิดถึงแม่ที่กระท่อมหลังบ้าน จึงรีบไปดู แต่เมื่อคิดได้ก้สายเสียแล้ว คุณแม่สิ้นลมหายใจไปแล้ว เพราะไม่มีใครมาดูแลหลายวัน สาเหตุหนึ่งเพราะคุณนายลูกสาวไม่ค่อยสบายจนหลงลืมแม่อันเปรียบเหมือนพระอรหันต์ในบ้านของตนเอง
บางครั้งเราอยู่กับพระอรหันต์แท้ๆควรทำบุญกับพระอรหันต์ซึ่งมีอานิสงส์มาก แต่กลับวิ่งไปพระอรหันต์ในที่อื่น หากเลี้ยงดูมารดาให้อยู่ดีมีความสุขยอ่มจะเป็นผลานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ทำให้เกิดในภพชาติที่ดีได้ ดังกรณีของท้าวสักกะหรือที่เราคุ้นเคยเรียกกันว่าพระอินทร์ สาเหตุที่ได้เกิดเป็นพระอินทร์ส่วนหนึ่งก็มาจากการบำเพ็ญวัตตบทเจ็ดประการ หนึ่งในข้อปฏิบัติในวัตตบทคือการเลี้ยงมารดาบิดา ดังข้อความที่ปรากฎในปฐมเทวสูตรสังยุตตนิกาย สคาถวรรค(15/906/275) ความว่าพระพุทธเจ้าได้แสดงบุพพกรรมของท้าวสักเทวราชว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลายท้าวสักกะจอมเทพเมื่อยังเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ได้สมาทานวัตรบทเจ็ดประการบริบูรณ์ เพราะเป็นผู้สมาทานวัตรบทเจ็ดประการ จึงได้ถึงความเป็นท้าวสักกะคือ(1)เราพึงเลี้ยงมารดาบิดาจนตลอดชีวิต (2) เราพึงประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูลจนตลอดชีวิต (3) เราพึงพูดวาจาอ่อนหวานตลอดชีวิต (4) เราไม่พึงพูดวาจาส่อเสียดตลอดชีวิต (5)เราพึงมีใจปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทินอยู่ครองเรือน มีการบริจาคอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่มยินดีในการสละ ควรแก่การขอ ยินดีในการแจกจ่ายทานตลอดชีวิต (6) เราพึงพูดคำสัตย์ตลอดชีวิต (7) เราไม่พึงโกรธตลอดชีวิต ถ้าแม้ความโกรธพึงเกิดขึ้นแก่เรา เราพึงกำจัดมันเสียโดยฉับพลันทีเดียว
คนที่เลี้ยงมารดาบิดาท่านเรียกว่าคนดีเป็นสัปบุรุษหรือสัตบุรุษดังที่พระพุทธเจ้าแสดงเป็นพระคาถา(15/907/275)ไว้ว่า “เทวดาชั้นดาวดึงส์กล่าวถึงนรชนผู้เป็นบุคคลเลี้ยงมารดาบิดา มีปรกติประพฤติอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล เจรจาอ่อนหวาน กล่าวแต่คำสมานมิตรสหาย ละคำส่อเสียด ประกอบในอุบายเป็นเครื่องกำจัดความตระหนี่ มีวาจาสัตย์ ครอบงำความโกรธได้ นั้นแลว่าเป็นสัปบุรุษ”
ใกล้วันแม่แล้วใครที่คิดถึงพระอรหันต์ ไม่ต้องไปหาจากที่อื่น กลับไปหาแม่ที่บ้าน หรือทำความดีเพื่อแม่ ก็จะได้ชื่อว่า ทำบุญกับพระอรหันต์แล้ว หรือหากใครอยากเป็นพระอินทร์ก็ลองศึกษาและปฏิบัติตามวัตตบทเจ็ดประการดูเผื่อบางทีพระอินทร์องค์ต่อไปอาจจะมาจากคนสัญชาติไทยก็ได้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
เรียบเรียง
07/08/53