ทุกคนอยากประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่มีน้อยคนที่บรรลุตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ บางคนทำงานสายตัวแทบขาดแต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในขณะที่บางคนทำงานไม่มากนักแต่กลับทำงานได้ผล มีนักปราชญ์จำนวนมากที่เขียนคำแนะนำในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ หนังสือประเภท How to จึงได้รับความนิยมและขายดีมาหลายปีแล้ว ส่วนใครที่อ่านแล้วได้ผลก็ดีไป แต่ส่วนมากมักจะยิ่งอ่านยิ่งสับสนจนไม่เป็นอันทำงานเพราะกลัวว่าจะไม่เป็นไปตามที่หนังสือแนะนำ
พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยประมาณปีพุทธศักราช 236 โดยมีพระโสณะและพระอุตตระเป็นประธานในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในเก้าสายที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระธรรมทูตไปยังประเทศต่างๆนอกชมพูทวีป พระเถระทั้งสองจึงได้เดินทางมายังสุวรรณภูมิ จากวันนั้นเป็นต้นมา หากนับจนถึงปัจจุบันพระพุทธศาสนาก็อยู่กับสังคมไทยเป็นเวลายาวนานถึง 2317 ปีแล้ว
พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาได้สอนศีลธรรมและหลักปฏิบัติแก่พุทธศาสนิกชนมาโดยลำดับ จนกลายเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของประเทศ พระเถระเหล่านั้นแม้จะมรณภาพไปแล้วก็ตามแต่คำสอนของท่านยังนำมาใช้ได้กับยุคสมัยปัจจุบัน พระเถระรูปหนึ่งที่มีคำสอนที่เข้าถึงจิตใจของประชาชนคือพระเทพสังวรญาณ(พวง สุขินทริโย) หรือที่ชาวบ้านทั่วมักจะเรียกติดปากว่าหลวงตาพวง เจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร มรณภาพเมื่ออายุ 83ปี มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2553 ณ เมรุชั่วคราววัดศรีธรรมาราม จังหวัดยโสธร หลวงตาพวงเป็นพระเถระที่ประชาชนให้ความเคารพมากรูปหนึ่งในภาคอีสาน หลวงตาพวงมักจะเทศน์สั้นๆจำง่าย เรื่องหนึ่งที่ฟังแล้วนำไปใช้ได้เลยคือเรื่องกุญแจสี่ดอกเพื่อความสำเร็จ
จากหนังสือ “ธรรมะหลวงตาพวง”ที่แจกในงานพระราชทานเพลิงศพ แม้จะผ่านไปหลายเดือนแล้วแต่พึ่งได้อ่านในวันถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยที่ผ่านมา บังเอิญเห็นหนังสือวางบนโต๊ะเรียนจึงถือวิสาสะหยิบอ่านเพื่อรอเวลาตามกำหนดการ กาลเวลาไม่อาจกีดกั้นพรมแดนแห่งความรู้ได้ อ่านเมื่อใดเมื่อนั้นก็เป็นสิ่งใหม่ จากหนังสือเล่มนั้นมีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจภายใต้หัวข้อว่า "กุญแจสี่ดอกเพื่อความสำเร็จ" สรุปความได้ว่าการที่คนเราจะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องมีกุญแจแห่งความสำเร็จสี่ดอกคือ “หวังผล ฝึกฝน สนใจ ใช้หัว”
1.หวังผล หมายถึงการทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมายว่าเป้าประสงค์สุดท้ายคืออะไรเช่นชาวไร่ปลูกแตงโม สิ่งที่ชาวไร่ต้องการคือผลแตงโม ที่สามารถรับประทานได้และขายได้ด้วยนั่นคือผล การทำงานทุกอย่างจึงต้องหวังผล การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกันต้องหวังผลของการปฏิบัติ พระพุทธเจ้าแสดงผลของการบรรพชาอุปสมบทไว้ในสามัญญผลสูตรว่าบวชแล้วจะได้ผลเป็นอย่างไรเป็นต้น
2.ฝึกฝน การที่จะได้ผลตามวัตถุประสงค์ต้องมีความอดทนฝึกฝนให้มากจนมีความเชี่ยวชาญชำนาญในสิ่งที่ทำ การปลูกแตงโมก็ต้องหมั่นดูแลรักษา ค่อยๆรอจนได้ที่จึงจะเห็นผล อย่าให้สุกก่อนห่ามอย่างนี้ก็ได้ผลที่ไม่อร่อย บางคนปฏิบัติเอาเป็นเอาตายได้เพียงไม่กี่เดือน เมื่อไม่ได้ผลตามที่ตั้งไว้ก็เลยท้อแท้สิ้นหวังเลิกฝึกฝนอบรมไปเลย ธรรมะนั้นต้องค่อยเป็นค่อยไปคือทำไปเรื่อยๆจนถึงวันหนึ่งที่มีความพร้อมผลก็จะเกิดขึ้นมาเอง
3.สนใจ คือจะทำงานอะไรต้องตั้งใจทำงานนั้นอย่างจริงจัง เอาใสใส่ ไม้ท้อแท้ หนักเอาเบาสู้ เช่นการปลูกแตงโมต้องคอยดูแลใส่ปุ๋ย กำจัดแมลง กำจัดวัชพืชที่จะมาแย่งอาหาร ธรรมะก็เหมือนกันจะทำอะไร ศึกษาอะไรก็ต้องมีความสนใจเป็นพื้นฐานก่อน บางคนชอบศึกษาปฏิบัติตามธรรมะตามแนวแห่งพระสุตตันปิฎก บางคนชอบอภิธรรม บางคนชอบคำสอนของอาจารย์คนนั้นคนนี้ ถ้าสนใจทำจริงศึกษาจากไหนก็ได้ทั้งนั้นที่สำคัญต้องเลือกให้เหมาะกับความสนใจของเราด้วย เพราะจริตหรือพื้นฐานทางจิตของคนไม่เหมือนกันชอบกันคนละอย่าง ซึ่งเป็นการดีเพราะทำให้โลกนี้มีอาชีพให้คนเลือกทำแตกต่างกัน จะได้ไม่แย่งกันทำมาหากินอย่างเดียวกันมากจนเกินไป
4.ใช้หัว ไม่ได้หมายถึงการใช้หัวหรือศีรษะเช่นการโหม่งฟุตบอลนักฟุตบอลบางคนหัวดีคือถนัดลูกโหม่ง แต่การใช้หัวในที่นี้หมายถึงการใช้สติปัญญา ใช้สมอง ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงาน มนุษย์แม้จะมีอวัยวะเท่ากัน แต่มีความคิดและสติปัญญาไม่เท่ากัน ดังที่หลวงตาพวงได้ยกเรื่อง “เห็ดดอกเดียว” เป็นอุทาหรณ์ว่า “ย่ากับสะใภ้ถือตะกร้าไปเก็บเห็ดในป่า ข้างทางเห็นมีเห็ดดอกเดียว สะใภ้บอกว่าเห็ดดอกเดียวไม่อยากเก็บไว้ไปเก็บเอาข้างหน้า ย่าไม่ประมาท แม้เห็ดดอกเดียวก็เก็บเรื่อยไป ปรากฏว่าวันนั้น ย่าเก็บเห็ดได้เต็มตะกร้า ส่วนสะใภ้ได้กินอิ่มก็เพราะเห็ดดอกเดียวของย่านั่นเอง นี่แหละคนไม่ประมาท รู้จักเก็บ รู้จักออมไม่ละเลย หรือดูแคลนของเล็กน้อย” ย่ามีปัญญาเพราะได้มาจากประสบการณ์จึงค่อยๆเก็บเห็ดไปทีดอก ส่วนสะใภ้คงเป็นคนรุ่นใหม่มีประสบการณ์น้อย จึงมองไปข้างหน้าอย่างเดียวคิดว่าน่าจะมีเห็ดอยู่ข้างหน้ามากกว่าที่เห็น เลยทำให้ลืมมองย้อนหลัง
ในการทำงานแต่ละครั้งหากประกอบด้วยคุณสมบัติทั้งสี่ประการนี้ ก็จะเป็นเหมือนมีกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จได้ เมื่อมีกุญแจอยู่ในมือย่อมสามารถเปิดประตูแห่งความสำเร็จได้โดยง่าย ครั้งหนึ่งลูกศิษย์ได้นวดเฟ้นหลวงตาพวงและถือโอกาสกราบเรียนถามหลวงตาเรื่องการดับทุกข์ หลวงตาตอบว่า “ถ้าหิวข้าวให้ทานข้าว ถ้าปวดหัวให้หายามาบรรเทา ถ้าเมื่อยขาก็ให้นวดนี้แหละ” ง่ายๆแต่ชัดเจน
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
09/07/53