วันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2553 ไปร่วมงานโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยตั้งแต่เช้าจนเย็น โดยมีฯพณฯ พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธาน มอบถวายทุนที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีพระสงฆ์จากทั่วประเทศและทุกองค์กรสงฆ์ที่มีส่วนในการได้รับทุนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งขึ้น เมื่อพุทธศักราช 2547 และได้จัดพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พุทธศักราช 2547 จนถึงพทธศักราช 2552 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,919 ทุน ในปีพุทธศักราช 2552 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,919 ทุน
ในปีพุทธศักราช 2553 นับเป็นปีที่ 7 โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย โดยถวายแด่พระภิกษุสามเณร ที่จะเข้าสอบเปรียญธรรม 6,7,8 และ 9 ประโยค ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากกองบาลีสนามหลวง และทุนสำนักเรียนพระปริยัติธรรม ที่มีผลงานดีเด่นในเขตปกครองคณะสงฆ์ 5 เขตๆละ 1 ทุน จำนวน 81 ทุน ถวายแด่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 1,000 ทุน ถวายแด่พระธรรมทูตระดับอำเภอที่มีผลงานดีเด่น 9 สายๆละ 1 ทุน ถวายแด่พระภิกษุสามเณรภายใต้การกำกับดูแลมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจำนวน 236 ทุน แด่พระภิกษุสามเณรภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย จำนวน 54 ทุน และการฝึกอบรมพระนักเทศน์เฉลิมพระเกียรติหลักสูตรระยะสั้นสามเดือน จำนวน 760 ทุน หลักสูตรระยะกลางหนึ่งปี จำนวน 80 ทุน รวมเป็นทุนการศึกษาสำหรับพระสงฆ์ทั้งสิ้น 2,220 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้นสิบสองล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันบาทถ้วน
งานนี้แว่วๆมาว่าเว็บมาสเตอร์ไซเบอร์วนารามได้รับทุนเล่าเรียนหลวงในปีนี้ด้วย ในฐานะที่เป็นนักศึกษาที่เรียนดีแต่ยากจน วันนี้ไม่ได้เข้ารับทุนเพราะถวายให้กับผู้บริหารของหน่วยงานต่างๆซึ่งท่านจะไปจัดสรรกันในภายหลัง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยได้คัดเลือกให้ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงในครั้งนี้ด้วย นัยว่าให้ทุนเพื่อการเขียนวิทยานิพนธ์ เพราะขณะนี้กำลังเขียนวิทยานิพนธ์และเรียนมาหลายเป็นแล้ว อีกไม่นานก็น่าจะจบการศึกษาเสียที เรียนมาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนเกือบจะถึงชั้นสูงสุดใช้เวลายาวนานยี่สิบปี เพราะเรียนไปทำงานสอนหนังสือไปด้วย เวลาว่างก็ยังมาเขียนบทความเผยแผ่ทางเว็บไซต์อีก เรียกได้ว่าวันหนึ่งๆไม่เคยว่างงาน มีงานให้ทำตลอด
โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ไม่มีข้อผูกมัด ไม่มีสัญญา ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น พระสงฆ์ที่ได้รับทุนก็ไม่ต้องกลับไปใช้หนี้เหมือนทุนประเภทอื่นๆ เพียงแต่รายงานผลการศึกษาขั้นสุดท้ายให้ทราบเท่านั้นทุกอย่างก็จบ การให้ทุนปะเภทนี้ก็เหมือนการให้ทานประเภทหนึ่งคือให้เพราะนึกว่าการให้ทานเป็นการดี การทำความดีโดยการบริจาคโดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างนี้เป็นการให้ที่แท้จริง
ในทานสูตร อังคุตรนิกาย อัฏฐกนิบาต (23/121/183) ได้แสดงถึงบุคคลผู้ให้ทานย่อมมีวัตถุประสงค์ต่างกันแปดจำพวกความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานแปดประการนี้คือ(1) บางคนหวังได้จึงให้ทาน (2) บางคนให้ทานเพราะกลัว (3) บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เขาให้แก่เราแล้ว (4)บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เขาจักให้ตอบแทน (5) บางคนให้ทานเพราะนึกว่าทานเป็นการดี (6) บางคนให้ทานเพราะนึกว่าเราหุงหากิน ชนเหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะไม่ให้ทานแก่ชนเหล่านี้ผู้ไม่หุงหากินไม่สมควร(7) บางคนให้ทานเพราะนึกว่า เมื่อเราให้ทาน กิตติศัพท์อันงามย่อมฟุ้งไป (8) บางคนให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต
การให้ทานจึงมีหลายประเภทดังที่ได้ยกมา โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยพึ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ในแต่ละปีจะมีพระสงฆ์ไทยได้รับทุนการศึกษาตามสมควร การให้ประเภทนี้เพราะสายพระเนตรอันยาวไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภก เพื่อจะยอยกพระพุทธศาสนาจึงได้ให้ทุนกับพระสงฆ์ที่กำลังศึกษาพระพุทธศาสนา เมื่อพระสงฆ์เหล่านี้มีความรู้ก็จะได้นำหลักธรรมที่ถูกต้องไปเผยแผ่ให้แก่ประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องไปด้วย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/07/53