ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

               หลายท่านที่เคยไปชมปราสาทเมืองแขกคงจะคุ้นเคยกับชายชราคนหนึ่ง ที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆกับตัวปราสาทเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาแกจะรีบมาต้อนรับพร้อมกับเริ่มต้นบรรยายประวัติความเป็นมาของปราสาทให้ฟัง ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือการบรรยายจะทำตามใจของคนเที่ยว เพราะบรรยายได้หลายภาษา มองเพียงรูปลักษณ์ภายนอกอาจไม่น่าเชื่อถือนัก แต่อย่าได้ประมาทไปวันนั้นฟังลุงบรรยายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงโคราชฟังแล้วเพลินดี ทั้งๆที่มีคนฟังเพียงสามคนลุงก็ยังบรรยายให้ฟัง จึงขอให้ลุงบรรยายด้วยสำเนียงโคราชน่าจะสะดวกที่สุด 
              ลุงชม(นามสมมุติ)วันนั้นมีเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียวไม่สรวมเสื้อเปลือยกายท่อนบนเห็นกล้ามเนื้อที่เคยแข็งแกร่งในอดีต แต่ปัจจุบันเริ่มหย่อนยานตามกาลเวลา เริ่มต้นบรรยายด้วยภาษาไทยสำเนียงโคราชว่า “ปราสาทหลังนี้สร้างก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนา ในยุคนั้นพวกขอม เดี๋ยวอย่าได้เข้าใจผิดคิดว่าขอมคือเขมร ความจริงขอมในยุคนั้นหมายถึงพรามหณ์ในศาสนาฮินดู พวกขอมหรือพราหมณ์(ตามทัศนะของลุงชม)ได้พากันขยายอาณาเขตจากเมืองนครธมหรือจากเมืองพระนคร(นครวัด)มายังดินแดนแถบนี้และได้สร้างเมืองขึ้น จึงมีหลักฐานปรากฎให้เห็น เมื่อก่อนปราสาทถูกถมอยู่ใต้ดิน ต่อมามีการขุดค้นจึงได้เห็นตัวปราสาทอย่างที่เห็นในปัจจุบัน”

               เมื่อหลวงตาแย้งว่าปราสาทแห่งนี้เขาบอกว่าสร้างเมื่อพุทธศตวรรษที่ 15  แสดงว่าสร้างหลังพุทธกาลถึง 1500 ปี แล้วทำไมลุงจึงบอกว่าสร้างก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนาด้วยเล่า พูดจบก็ยื่นภาพถ่ายประวัติจากป้ายหน้าทางเข้าให้ลุงดู ซึ่งเขียนไว้ว่า“ปราสาทเมืองแขก บ้านกกกอก ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ก่อสร้างด้วยอิฐและหินทราย มีลักษณะแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างที่สำคัญคือปราสาทประธาน บรรณาลัยสองหลัง ระเบียงคต ซุ้มประตู สระน้ำ กำแพงแก้ว และปราสาทก่อด้วยอิฐขนาดเล็ก
               จากการขุดค้นทางโบราณคดีปี พ.ศ.2502 และการขุดแต่งบูรณะปี พ.ศ.2533-2534 พบหลักฐานที่สำคัญคือทับหลังที่แกะสลักลวดลายต่างๆและประติมากรรมรูปเทพเจ้า สันนิษฐานว่าปราสาทแห่งนี้น่าจะเป็นศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15”

               ลุงชมหัวเราะเหมือนกับจะยอมสารภาพว่าพวกนี้รู้จริงแฮะ ลุงชมยังไม่ยอมแถมยังสาธยายต่อไปว่า “นั่นเขาพึ่งขุดพบและพากันสันนิษฐานตามสิ่งที่เห็น แต่ลุงเกิดที่นี่โตที่นี่ได้เห็นมามากกว่าพวกนักโบราณคดีเสียอีก หลักฐานอื่นๆเขาไม่นำมาอ้าง เขาอ้างแต่เฉพาะสิ่งที่เข้ากันได้กับทฤษฎีของเขาเท่านั้น” พวกนักโบราณคดีทั้งหลายฟังไว้ หากจะมีหลักฐานอื่นใดพอจะอ้างได้ว่าปราสาทแห่งนี้สร้างก่อนพระพุทธศาสนาจะเข้ามาในดินแดนแถบนี้ได้บ้าง ก็ควรนำมาพิจารณาเพื่อเสริมประวัติศาสตร์ให้บริบูรณ์ แต่อย่าไปกล่าวโทษลุงชมเพราะแกก็ทำมาหากินกับการบรรยายให้นักท่องเที่ยวฟังซึ่งผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา บางครั้งความสนุกพาไปปราสาทนี้อาจจะมีอายุมากกว่าที่บันทึกไว้ก็ได้
               ความจริงก็ไม่ได้จะหักหน้าลุงชมแต่อย่างใด แต่ขณะนั้นมีเพียงเราสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆพากันไปถ่ายภาพกันหมด สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะลืมก่อนชมโบราณสถานคือการอ่านป้ายประกาศของโบราณสถานนั้นๆ ทางที่ดีควรถ่ายภาพเก็บไว้ก่อน บางครั้งอาจจะต้องได้ใช้ในโอกาสจำเป็น หรืออย่างน้อยก็จะได้แสดงความเห็นแย้งกับไกด์นำเที่ยวได้บ้าง

               ถ่ายภาพเสร็จยังพบลุงชมนั่งมองปราสาทเหมือนหนึ่งจะนึกย้อนไปยังอดีตกาลอันนานโพ้น “ในอดีตผมคงเคยอยู่ที่นี่คงได้ร่วมสร้างปราสาทหลังนี้เป็นแน่ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่กลับมาเกิดอยู่ที่นี่ใกล้ๆกับปราสาทต้องคอยดูแลรักษาความสะอาด ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งๆไม่มีใครจ้าง ผมทำฟรีทั้งนั้น บางครั้งนักท่องเที่ยวก็ให้เงินบ้าง ผมทนเห็นปราสาทสกปรกรกรุงรังไม่ได้ มันเหมือนกับเป็นปฏิญญาสากลประจำใจว่าผมต้องคอยดูแลปราสาท มันเป็นบ่วงกรรมหรือว่าผมถูกสาปให้มาเฝ้ารักษาปราสาทหลังนี้ก็ไม่รู้ได้” ลุงชมรำพึงให้ฟัง
               หลวงตาจึงบอกว่า “การที่เราได้ทำงานโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆทั้งนั้น นั่นแหละคือบุญซึ่งเกิดขึ้นจากความอิ่มใจที่ได้ทำ ลุงเป็นคนมีบุญจึงได้มาอยู่ที่นี่ ขอให้ลุงช่วยดูแลรักษาปราสาทให้คงอยู่คู่กับลูกหลานและประเทศชาติต่อไป บางอย่างเราสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่บางอย่างเราต้องอาศัยกาลเวลา แต่ทว่าเรื่องของประวัติศาสตร์ลุงควรยึดถือตามที่เขาประกาศไว้ มิใช่คิดขึ้นมาเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นนิยายหรือประวัติศาสตร์ฉบับลุงชมไป” 

               ลุงชมฝากไว้ก่อนจากกันว่า “ผมก็ฟังคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟัง บางอย่างก็ตรงกัน บางอย่างก็ต้องเสริมเติมแต่งบ้าง ก็ประวัติเขาเขียนไว้เพียงเจ็ดบรรทัด ผมก็ต้องหาเรื่องเล่าเพิ่มเติมเข้ามาทำให้เรื่องราวน่าฟังขึ้น  แต่น่าเสียดายที่คนในยุคนี้ไม่ค่อยอยากฟังประวัติศาสตร์เท่าใดนัก พวกเขามาเดินดูเดี๋ยวเดียวถ่ายภาพแล้วก็จากไป คงได้อะไรไม่มากนักหรอก แต่ก็ยังดีที่ยังมีคนมาชมปราสาท แม้ว่าทุกวันนี้จะมีจำนวนน้อยเต็มทีแล้ว วันนี้มีเพียงสองคณะๆแรกเป็นเด็กนักเรียนเขามีไกด์มาด้วย”

               การที่ลุงชมได้มาเกิดที่นี่และกลายมาเป็นผู้เฝ้าดูแลรักษาปราสาทเมืองแขก จะเป็นเพราะกงกรรมกงเกวียนที่เวียนว่ายตายเกิดแล้วกลับมาที่เกิดตามกรรมที่ได้สร้างไว้ หรือจะเป็นเพราะคำสาปของผู้สร้างปราสาทว่าต้องมีคนคอยดูแลตลอดไป ปัญหานี้ไม่มีใครตอบได้ ทุกคนต่างก็มีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด คนจึงเกิดมาเพราะกรรมของแต่ละคน  ลุงชมกับปราสาทจะเป็นเพราะบ่วงกรรมหรือคำสาปก็ตามที แต่สิ่งที่ได้พบอย่างน้อยก็มีคนเห็นคุณค่าทางศิลปะจากก้อนหินที่เรียงรายจนกลายเป็นปราสาทของปราสาทเมืองแขก มิใช่มองเห็นเป็นเพียงก้อนหินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
21/06/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก