จิตใจมนุษย์นั้นมีธรรมชาติท่องเที่ยวไปไกล บางครั้งควบคุมไม่ได้ ทำให้เกิดความกังวล ยิ่งในเดือนพฤษภาคมของทุกปีอยู่ในช่วงเปิดเทอม แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศว่าให้เรียนฟรี แต่นั่นเป็นเพียงนโยบาย โรงเรียนหลายแห่งก็ยังต้องจ่ายค่าอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง โดยโรงเรียนหลีกเลี่ยงคำว่าค่าเทอมแต่คิดเป็นค่าอย่างอื่นแทน ดังนั้นผู้ปกครองส่วนใหญ่หากอยากให้ลูกหลานมีสิทธิ์เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงก็ต้องจ่าย โรงเรียนบางแห่งมีค่าใช้จ่ายมากกว่าค่าเทอมหลายเท่าตัว
ในช่วงเดือนนี้กิจการที่ทำเงินมากที่สุดคือโรงรับจำนำ ผู้ปกครองใช้เป็นที่พึ่งในยามขัดสน ต้องนำสิ่งของเท่าที่พอจะแลกเป็นเงินได้เข้าโรงจำนำเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย จะปล่อยให้ลูกไม่มีที่เรียนไม่ได้ ต้องหาที่เรียนให้ได้นั่นเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของผู้ปกครองคือต้องส่งให้ลูกเรียนหนังสือ หากยังหาที่เรียนไม่ได้ก็ต้องพึ่งโรงเรียนเอกชนหรือมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ยังหาที่เรียนไม่ได้เลยครับ เลยต้องมาเรียนใต้ร่มไม้
ช่วงนี้คนส่วนหนึ่งจึงคิดมากเช่นจะหาเงินมาจากไหน จะส่งลูกเข้าโรงเรียนไหนดี จะหาเงินที่ไหนมาซื้อชุดนักเรียนใหม่ๆให้ลูก บางคนคิดไปคิดมาแล้วกลุ้มเกิดความกังวลใจ ซึ่งอาจทำให้เป็นบ้าได้ง่าย
คนบ้ามีหลายประเภทเคยมีคนจำแนกไว้ถึงห้าร้อยจำพวก เรียกว่าพวกบ้าห้าร้อยเหมือนกับโจรก็มีห้าร้อยจำพวกเหมือนกันจนมีคำเรียกติดปากว่า พวกโจรห้าร้อย ความจริงอาจมีไม่ถึงแต่เรียกว่าห้าร้อยจำได้ง่ายกว่า ความกังวลเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เพราะความคิดหรือจิตมักท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ หากไม่คอยคุบคุมก็อาจทำให้บ้าได้ พระพุทธศาสนากล่าวถึงสภาวะจิตไว้ตอนหนึ่งในขุททกนิกาย ธรรมบท(25/19) ความว่า
"ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คุหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ฯ
แปลเป็นไทยได้ว่า "ผู้ใดจักสำรวมจิตที่ไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง มีถ้ำ(คือกาย) เป็นที่อาศัย, ผู้นั้นจักพ้นจากเครื่องผู้ของมารได้ให้ตรงได้ เหมือนช่างศรทำลูกศรให้ตรงได้ฉะนั้น"
ใครเก่งเข้ามา ข้าฯคือผู้ยิ่งใหญ่
นักรบต้องมีจิตใจที่กล้าหาญจึงจะสามารถเอาชนะศรัตรูได้ หากนักรบมีจิตที่หวาดระแวงขึ้กลัว ย่อมไม่อาจจะเข้าสู่สงครามได้ การรบระหว่างนักรบด้วยกันผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งกล้าหาญมีอาวุธยุทโปกรณ์ดีกว่าย่อมจะเป็นผู้ชนะ แต่นักรบทางธรรมไม่ได้รบกับศัตรูภายนอกแต่รบกับศัตรูภายในคือกิเลส หากจิตใจไม่กล้าหาญ ไม่เข้มแข็งก็ต้องพ่ายแพ้ไป เหมือนกับการปฏิบัติธรรมต้องวัดกันด้วยใจ
คนที่มีใจสงบท่านเรียกว่าบัณฑิต ผู้ที่จะเป็นบัณฑิตได้ก็ต้องศึกษาค้นคว้าจนสามารถเข้าใจในหลักการทั้งหลายได้ บัณฑิตทางโลกวัดกันด้วยปริญญาบัตร ส่วนบัณฑิตทางธรรมวัดกันด้วยคุณธรรม ไม่ต้องมีใบประกาศใดๆมารับรอง วัดกันด้วยใจใครที่มีใจไม่หวั่นไหวไปตามกระแสโลกนั่นคือโลกธรรมแปดประการประกอบด้วยมียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ ผู้ใดทนรับกับสภาวะเหล่านี้ได้ ด้วยควาสงบมั่นคงเหมือนขุนเขาไม่สะท้านสะเทือนด้วยแรงลมที่พัดกระหน่ำแม้จะรุนแรงสักปานใดก็ตาม ท่านเรียกว่าผู้นั้นว่าบัณฑิตดังพุทธภาษิตยืนยันไว้ในขุททกนิกาย ธรรมบท(25/25) ว่า
"เสโล ยถา เอกฆโน วาเตน น สมีรติ
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ น สมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา ฯ
แปลเป็นไทยได้ว่า “ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด, บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น"
พ่อแม่ยากจนแต่ผมอยากเรียน มีสิทธิ์เป็นนักปราชญ์ได้ไหมครับ
จะมีความกังวลประจำจิต หรือฝึกจิตให้เข้มแข็งกล้าหาญหรือจะแสวงหาความฉลาดเป็นธรรมะประจำจิตโปรดพิจาณาเอาเองเถิดเพราะ "ถ้าใจกังวลก็เป็นบ้า ใจกล้าเป็นนักรบ ใจสงบเป็นนักปราชญ์” จิตใจเป็นเหมือนเส้นทางที่จะชักนำเราไปในทิศทางตามที่เราต้องการ ถ้าเราฝึกจิตให้อยู่ในการควบคุมของเราได้ หนทางข้างหน้าเราก็กำหนดได้เอง
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
03/06/53