ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

             นานมาแล้วเคยฟังมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่พลันนึกขึ้นได้ตอนไปจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่า “คนที่มีความสุขสนุกสนานที่สุดสิบอันดับของโลกต้องมีชื่อลาวและไทยอยู่ด้วย”  ฟังเผินๆเหมือนพูดเล่น แต่หากดูวิถีชีวิตของผู้คนแล้วยอมรับว่ามีส่วนแห่งความจริงอยู่ไม่น้อย คนไทยและคนลาวพูดภาษาใกล้เคียงกัน น่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่เดินทางได้โดยไม่ต้องใช้ล่ามแปล 
             การเดินทางจาริกแสวงบุญของชาวพุทธโดยปกติคนทั่วไปมักจะนิยมไปที่อินเดีย เพราะเป็นแหล่งกำเนิดของพระพุทธศาสนา แต่พวกเรากลับไปที่จำปาสัก ประเทศลาวซึ่งไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำเนิดของพระพุทธศาสนาเลย นครจำปาศักดิ์หรือจำปาสักในอดีตเคยมีฐานะเป็นศูนย์กลางการปกครองของแขวงและเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์ในสมัยที่ยังมีเอกราช ปัจจุบันพระราชวังของกษัตริย์ในอดีตได้ถูกดัดแปลงมาเป็นโรงแรมที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวเช่นโรงแรมจำปาศักดิ์พาเลช ที่ปากเซ ก็เคยที่ประทับของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้ายที่ทุกคนรู้จักในฐานะกษัตริย์ผู้มีวาทศิลป์ มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติและใช้ชีวิตอย่างสำราญ ก่อนจะเดินทางไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศสและถึงแก่พิราลัยที่กรุงปารีส

             การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มาเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆเท่านั้น แต่ยังมีการทอดผ้าป่าตามวัดต่างๆ โดยไม่ต้องมีกำหนดการ ไม่ได้นิมนต์เจ้าอาวาสล่วงหน้า พอรถไปถึงก็เดินเข้าประตูวัดขึ้นศาลาทำความสะอาดเอง นิมนต์เจ้าอาวาสหรือหากท่านไม่อยู่ก็นิมนต์พระรูปใดหนึ่งหรือสามเณรที่พบเห็นในวัดนั้นมารับเครื่องไทยธรรมซึ่งประกอบด้วยบาตร ผ้าไตรจีวรอย่างดี พร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆของพระสงฆ์ และมีปัจจัยถวายตามกำลังศรัทธาซึ่งก็เริ่มจากห้าแสนถึงสองล้านกีบ ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคณะจาริกจากเมืองไทยอยากจะถวายเท่าไหร่ การทำบุญในลักษณะนี้เป็นความสุขและความเพลิดเพลินด้วย เพราะเป็นการทำบุญตามใจฉัน
             วันนั้นการตามกำหนดการเดินทางต้องไปที่วัดภูเป็นแห่งแรก พอไปถึงฝนกำลังพรำ หลายคนจึงได้แต่ยืนมองผ่านม่านฝนไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้าที่ยังคงความงามแห่งภูเขา ป่าไม้ไว้อย่างบริบูรณ์  โดยเฉพาะต้นสักที่เรียงรายยืนท้าลมฝนเป็นภูป่าสักที่อยู่หลังวัดสูงเสียดฟ้าคล้ายชะเงื้อมผาสูงชัน หากมองไกลภูลูกนี้จะคล้ายๆกับศิวลึงค์ชาวบ้านแถบนี้มักนิยมเรียกว่าภูเขาควาย  เบื้องหลังป่าไม้เหมือนกับมีวิญญาณของภูตผีสางสถิตย์อยู่ด้วย แต่หากมองด้วยสายตาของชาวพุทธก็จะดูคล้ายๆสถูปเจดีย์ในพระพุทธศาสนาด้วยจึงทำให้มีความเข้ามขลังด้วยอำนาจเทพเจ้าและความศักดิ์ของพระพุทธศาสนาไปพร้อมๆกัน

             วัดภูนัยว่าเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแอ่งอารยธรรมโบราณต่างๆยาวนานถึงสามสมัยคือสมัยอาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6-8 โดยค้นพบจารึกที่เล่าถึงการฆ่าคนบูชายัญแด่เทพเจ้า ยุคต่อมาเขมรก่อนยุคเมืองพระนครได้สร้างปราสาทหินขึ้นในราวศตวรรษที่ 9 และสมัยที่สามคืออาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูมาเป็นวัดในพระพุทธศาสนาเถรวาท  ดังนั้นปราสาทวัดภูจึงมีคติความเชื่อสามอย่างทับซ้อนกันอยู่คือการนับถือผี การนับถือเทพเจ้าในศาสนาฮินดูและพระพุทธศาสนา คนลาวนับถือผีคล้ายๆกับจะเป็นอีกศาสนาหนึ่งที่เรียกว่า “ศาสนาผี” ที่อยู่คู่กันกับ “ศาสนาพราหมณ์ฮินดู” และ “ศาสนาพุทธ”  ดังนั้นที่ปราสาทวัดภู จำปาสัก ผี พราหมณ์ พุทธจึงร่วมกันอย่างสันติ 
             คติความเชื่อทั้งสามนี้มีส่วนทำให้คนไทยและคนลาวอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขและสนุกสนานไปด้วย  เช่นหากมีปัญหาชีวิตคิดไม่ตกก็ไปบนบานกับผี เมื่อผีตอบไม่ได้ก็ไปหาพราหมณ์ ไปถามหมอดู เมื่อยังไม่พอใจก็ไปหาพระ ยิ่งพระที่เป็นทั้งหมอผี หมอดูด้วยคนก็ยิ่งชอบ เมื่อมองโลกอย่างเข้าใจ จิตใจก็พลอยเป็นสุขสนุกไปกับการใช้ชีวิตด้วย

             ไกด์บอกว่าข้างบนนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญอยู่สองอย่างคือพระพุทธรูปอายุประมาณ 1600 ปี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัยต่างๆได้ตามแต่จะอธิษฐาน แม้จะปวดหัวเข่าอย่างหนักเมื่อได้ฟังจึงค่อยๆเดินตามขั้นบันไดพร้อมๆกับหลบฝนไปด้วย จนกระทั่งถึงพระพุทธรูปที่อยู่ในซุ้มหินก้มลงกราบพร้อมกับถวายกรวยดอกไม้ธูปเทียนพร้อมตั้งจิตอธิษฐานแทนอีกหลายๆคนที่เดินทางขึ้นมาไม่ถึงขอให้เกิดความสันติสุขขึ้นในโลก ผู้คนอยู่กันอย่างปกติสุข อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อธิษฐานก้มกราบได้เพียงครั้งเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก วันนั้นจึงหลบฝนหน้าพระพุทธรูปอายุพันปีนั่นเอง

             พอฝนซาจึงได้ขึ้นไปดูบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของชาวบ้าน น้ำคล้ายๆจะไหลออกมาจากหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา มีหินสลักเป็นรูปโยนีรองรับซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แห่งอิตถีเพศและบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดู ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่วัดภูแห่งนี้จึงได้ไหว้ทั้งสองอย่างคือพระพุทธรูปหินและแท่นหินรูปโยนี บ่งบอกถึงฮินดูยังคงมีอิทธิพลต่อชาวพุทธในลาวไปพร้อมๆกับพระพุทธศาสนา น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “พุทธฮินดู” คงไม่ไกลความจริงนัก คติความเชื่อเรื่อง “ผี พราหมณ์ พุทธ” ยังสามารถอยู่ร่วมในสังคมเดียวกันได้ แล้วทำไมคนด้วยกันจึงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เล่า  

             ทั้งตอนเดินทางไปและเดินทางกลับจากปราสาทหินวัดภู คณะผู้จาริกได้ทอดผ้าป่าสามวัด หนึ่งในสามนั้นมีนามว่า “วัดห้วยฤาษี” เมื่อถามว่าทำไมถวายที่วัดห้วยฤาษีซึ่งค่อนข้างจะเจริญแล้ว อีกวัดหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักมีสภาพที่เก่าทรุดโทรมมากกว่า น้องใหญ่ไกด์ประจำขบวน ตอบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า “เพราะบ้านห้วยฤาษีเป็นบ้านเกิดของน้องใหญ่เอง นานๆจะได้จะได้แวะเยี่ยมบ้านสักครั้ง วันนี้จึงถือโอกาสพาคณะจากกรุงเทพมหานครมาทอดผ้าป่าให้วัดบ้านเกิดสักครั้ง”วันนั้นยอดเงินผ้าป่าสูงเกือบสองล้านกีบ


พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
01/06/53

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก