ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

        หากติดตามข่าวสารต่างๆ ไม่ว่าจะจากโทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ แล้ว ข่าวที่มีการนำเสนออยู่อย่างต่อเนื่อง มีให้เห็นแทบทุกวันคือข่าวอุบัติเหตุ บางเรื่องมีคนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของการสูญเสีย ญาติพี่น้องร้องให้เศร้าโศกเสียใจ และมักจะมีบทสรุปของการเกิดอุบัติเหตุอย่างหนึ่งว่าสาเหตุมาจากความประมาท
        ความประมาทได้กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของคนทั่วไป ความประมาทคืออะไร มีคำจำกัดความไว้หลายแห่งเช่น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตให้คำจำกัดความไว้ 4 ประการได้แก่ “ประมาท”
        (1)  [ปฺระหฺมาด] ก. ขาดความรอบคอบ, ขาดความระมัดระวังเพราะทะนงตัว, เช่น เวลาขับรถอย่าประมาท (ส. ปฺรมาท; ป. ปมาท). 
            (2) ก. ดูหมิ่น เช่น ประมาทฝีมือ. (ส. ปฺรมาท; ป. ปมาท). 
            (3)  [ปฺระหฺมาด] น. ความเลินเล่อ, การขาดความระมัดระวัง, เช่น ขับรถโดยประมาท (ส. ปฺรมาท; ป. ปมาท). 
        (4)  (กฎ) น. กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่. (ส. ปฺรมาท; ป. ปมาท). (หน้า 45)
        พจนานุกรมบาลีไทยได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า “ปมาท” คำนามเพศชาย หมายถึง ความประมาท ความมัวเมา ความเลินเล่อ ความเผลอสติ ความปล่อยปละละเลย (หน้า 331)
 
 
        ในพระอภิธรรมปิฎก วิภังคปกรณ์ (35/863) ได้อรรถาธิบายไว้ว่า “ความประมาท คือความปล่อยจิตไป ความเพิ่มพูนการปล่อยจิตไป ในกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต หรือในกามคุณ 5 หรือความกระทำโดยไม่เคารพ ความกระทำโดยไม่ติดต่อ ความกระทำไม่มั่นคง ความประพฤติย่อหย่อน ความทอดทิ้งฉันทะ ความทอดทิ้งธุระ ความไม่เสพให้มาก ความไม่ทำให้เจริญ ความไม่ทำให้มาก ความไม่ตั้งใจจริง ความไม่ประกอบเนืองๆ ความประมาท ในการเจริญกุศลธรรมทั้งหลายความประมาท กิริยาที่ประมาท สภาพที่ประมาท อันใด มีลักษณะเช่นว่านี้นี้เรียกว่า “ความประมาท”
        สาเหตุแห่งความประมาทมีแสดงไว้ในพระวินัยปิฎก ปริวาร (8/1197/ ) ความประมาทเป็นสาเหตุแห่งเวรประการหนึ่ง ดังข้อความที่พระอุบาลีได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “พระอุบาลีได้ทูลถามพระเจ้าถึงเหตุแห่งเวร ดังข้อความว่า “เวรมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า”
        พระพุทธเจ้าตอบว่า “ดูกรอุบาลี เวรนี้มี 5 เวร 5 อะไรบ้าง คือ: 1. ฆ่าสัตว์มีชีวิต 2. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้ 3. ประพฤติผิดในกาม 4. พูดเท็จ 5. เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เพราะดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย ดูกรอุบาลี เวร 5 นี้แล.
        ในสามัญญผลสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค (9/107) ความประมาทสาเหตุมาจากการเล่นพนัน ดังข้อความว่า  “ภิกษุเว้นขาดจากการขวนขวายเล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท”
        ตามนัยแห่งคำอธิบายนี้ “ความประมาทมาจากการดื่มสุรา เมรัย” ซึ่งคำสอนนี้มีมานานแล้ว แม้ปัจจุบันการดื่มสุราก็ยังถือเป็นสาเหตุแห่งความประมาท แต่ในสังคมทุกวันนี้มีสุราและเมรัยขายอย่าถูกต้องตามกฎหมาย มีขายอยู่ทั่วไป ใครจะซื้อก็ย่อมได้ แม้จะจำกัดอายุคนซื้ออยู่บ้าง แต่เด็กไทยฉลาดเมื่อซื้อเองไม่ได้ก็จ้างคนอื่นซื้อให้ สรุปว่าในที่สุดก็ซื้อได้อยู่ดี หากวันไหนอยู่ในช่วงเทศกาลก็ยิ่งมีคนเมามาก อุบัติเหตุต่างๆก็เกิดขึ้นได้ง่าย คนเสียชีวิตก็มากตามไปด้วย ส่วนหนึ่งมาจากความมึนเมาทำให้เกิดความประมาท ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากเหตุคือ “สุรา” การแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดคืออย่าดื่ม จะได้มีสติเมื่อมีสติคอยกำกับความประมาทก็ไม่เกิด พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะสุราซื้อง่ายขายคล่อง ที่สำคัญรัฐบาลมีส่วนร่วมด้วยเพราะได้เงินภาษีจำนวนมาก หรือบางแห่งเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลดำเนินการให้บางบริษัทผูกขาด อย่างนี้ก็ย่าแก้ไขยาก ชาวบ้านผลิตสุราดื่มเองในเวลาที่มีงานเทศกาลต่างๆ ก็บอกว่าผิดกฎหมาย หากเปิดเสรีให้ชาวบ้านสามารถผลิตเองดื่มเองได้ บางทีปัญหาอาจจะน้อยลงก็ได้ 
 
 
        ในพระพุทธศาสนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เล็งเห็นความสำคัญของความไม่ประมาท ได้ทรงแสดงปัจฉิมโอวาทหรือวาจาครั้งสุดท้ายก่อนปรินิพพาน ในมหาปรินิพพานสูตร ฑีฆนิกาย มหาวรรค (10/143) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาพวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต”
        แปลมาจากภาษาบาลีว่า "อถโข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ หนฺททานิ  ภิกฺขเว อามนฺตยามิ  โว วยธมฺมา สงฺขารา  อปฺปมาเทน  สมฺปาเทถาติ  ฯ  อยํ ตถาคตสฺส ปจฺฉิมา วาจา ฯ
        สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ไม่มีใครมาห้ามความแก่ชราได้ และห้ามความตายไม่ได้ จึงควรดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเข้าใจในวัยซึ่งย่อมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดา ทุกคนหนีแก่ไม่ได้ หนีตายไม่พ้น ทุกคนต้องตาย เป็นกฏแห่งความเป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย  
        ความไม่ประมาทควรทำในฐานะสี่ประการ ดังที่แสดงไว้ในอัปปมาทสูตร อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต  (21/116) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ควรทำความไม่ประมาทโดยฐานะ 4 ประการ คือ (1) ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงละกายทุจริต จงเจริญกายสุจริต และอย่าประมาทในการละกายทุจริตและการเจริญกายสุจริตนั้น (2) จงละวจีจริต จงเจริญวจีสุจริต และอย่าประมาทในการละวจีทุจริตและการเจริญวจีสุจริตนั้น (3) จงละมโนทุจริต จงเจริญมโนสุจริต และอย่าระมาทในการละมโนทุจริตและการเจริญมโนสุจริตนั้น (4) จงละมิจฉาทิฐิ จงเจริญสัมมาทิฐิ และอย่าประมาทในการละมิจฉาทิฐิและการเจริญสัมมาทิฐินั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล ภิกษุละกายทุจริต เจริญกายสุจริต ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต ละมิจฉาทิฐิ เจริญสัมมาทิฐิได้แล้ว ในกาลนั้น เธอย่อมไม่กลัวต่อความตาย อันจะมีในภายหน้า ฯ
        อีกแห่งหนึ่งในอารักขสูตร อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต  (21/117)แสดงไว้ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่ตน ในฐานะ 4 ประการ คือ (1) ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่ตนว่าจิตของเราอย่ากำหนัดในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด (2) จิตของเราอย่าขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง (3) จิตของเราอย่าหลงในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความหลง (4) จิตของเราอย่ามัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา  
 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล จิตของภิกษุไม่กำหนัดในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดเพราะปราศจากความกำหนัด จิตของภิกษุไม่ขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง เพราะปราศจากความขัดเคือง จิตของภิกษุไม่หลงในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความหลง เพราะปราศจากความหลง จิตของภิกษุไม่มัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา เพราะปราศจากความมัวเมา ในกาลนั้น เธอย่อมไม่หวาดเสียวไม่หวั่น ไม่ไหว ไม่ถึงความสะดุ้ง และย่อมไม่ไปแม้เพราะเหตุแห่งถ้อยคำของสมณะ”
        ในอัปมาทวรรค ขุททกนิกาย ธรรมบท (25/12) ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชนเหล่าใดประมาทแล้วย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทราบเหตุนั่นโดยความแปลกกันแล้ว ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท ยินดีแล้วในธรรมอันเป็นโคจรของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นเป็นนักปราชญ์ เพ่งพินิจ มีความเพียรเป็นไปติดต่อมีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องนิพพานอันเกษมจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้”
        โทษของการดื่มสุรานอกจากจะทำให้เกิดความประมาทแล้วยังทำให้ตกนรก ดังที่แสดงไว้ในสัพพหลสูตร อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต (23/130) แสดงโทษของการดื่มสุราไว้ว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย การดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันบุคคลเสพแล้วเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก ในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย วิบากแห่งการดื่มสุราและเมรัยอย่างเบาที่สุด ย่อมยังความเป็นบ้าให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็นมนุษย์” 
 
        เมื่อได้ความเกิดเป็นมนุษย์มาแล้ว ต้องรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้ได้ อย่างน้อยแม้จะไม่ได้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจความเป็นไปของสังขารที่มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา อย่าหลงในวัยว่าจะไม่แก่ชราหรือจะไม่ตายตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว บางคนอาจจะไม่มีโอกาสแก่ เร่งทำสิ่งที่ดีงามสำหรับชีวิต พัฒนาคุณภาพชีวิตให้เจริญกว่าในปัจจุบัน โดยใช้แนวทางในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก แต่การดำรงตนให้อยู่ในความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ยากยิ่งกว่า
 
 
พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
31/05/18
 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก