เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จนเป็นเหตุทำให้มีคนเสียชีวิตมากกว่าร้อยคน คนเหล่านั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ต้องมาสังเวยชีวิตเพียงเพราะความคิดความเชื่อของคนในบางลัทธิที่ใช้วิธีก่อการร้ายทำลายผู้อื่น ต้องบอกว่าคนเหล่านี้ช่างใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่าจะเรียกว่ามีความเป็นคนเหลืออยู่ ผู้วางระเบิดที่มองเห็นชีวิตคนอื่นไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรนั้นไม่น่าจะเรียกว่ามนุษย์ เพราะมนุษย์แปลตามศัพท์ว่า “ผู้มีใจสูง” ย่อมจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์
ขอไว้อาลัยแด่ดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นที่ต้องมาสังเวยชีวิตให้แก่คนบางกลุ่มที่มุ่งร้ายหวังทำลายต่อชีวิตผู้อื่น พวกเขาคงมองเห็นความสุญเสียของคนอื่นเป็นความสำเร็จ ฝีมือของใครยังไม่อาจจะสรุปได้ แต่ก็มีบางกลุ่มออกมาแสดงว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตนแล้ว ขอให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นจงไปสู่สุคติตามสมควรด้วยเถิด
ธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือรักตัวกลัวตาย แต่ทว่าความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนหนีไม่พ้น เป็นความจริงที่ทุกคนต่างก็รับทราบด้วยกันทั้งนั้น แต่การเดินทางไปสู่ความตายมีวิธีแตกต่างกัน บางคนพยายามที่จะเอาชนะความความตายด้วยการแสวงหาวิธีอยู่เหนือความตาย ประเภทชีวิตอมตะประมาณนั้น แต่เท่าที่ทราบในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครหนีรอดจากความตายได้เลย หรือหากจะมีก็อยากจะถามถึงวิธีดำรงอยู่ในโลกของเขาว่าเขาอยู่อย่างไร ในขณะที่คนอื่นๆที่อยู่ใกล้ต่างก็ล้มตายกันไปหมดแล้ว สมมุติว่ามีอายุสักสองร้อยปี คนที่อยู่รอบข้างก็ต้องเป็นระดับหลานหรือเหลนไปแล้ว จะเจราจาพูดคุยกันอย่างไร จะมีใครเข้าใจถึงเรื่องที่กำลังสนทนาอยู่หรือไม่ ดังนั้นการมีชีวิตอยู่สักร้อยปีก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับคนในยุคสมัยนี้
แม้จะรับรู้ว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย แต่การตายโดยที่ไม่ได้เตรียมตัวเลยนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนต้องสังเวยชีวิตจำนวนมาก ย่อมมีผู้คิดที่จะเอาคืน หาทางแก้แค้น หาทางทำลายล้าง เพื่อให้หายแค้น นั่นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับปุถุชนคนทั่วไป ดูจากข่าวทราบว่าตอนนี้มีการทิ้งระเบิดในบางประเทศที่คาดว่าน่าจะเป็นที่กบดานของคนร้ายหรือเป็นกองกำลังของคนร้ายบ้างแล้ว โต้กันไปโต้กันมาไม่นานก็เกิดสงคราม การตามจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายนั่นถูกต้องแล้ว แต่การเปิดศึกสงครามไม่น่าจะใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องนัก สงครามไม่เคยปรานีใคร สงครามจะทำให้มีผู้คนล้มตายอีกไม่น้อย สงครามไม่น่าจะใช่วิธีการในการขจัดความอาฆาตแค้นได้
ในพระพุทธศาสนามีวิธีระงับความอาฆาตได้โดยไม่ต้องมีการสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก เป็นแนวทางแห่งความสงบ สู้กับความเลวร้ายด้วยสันติ ดังที่แสดงไว้ ในอาฆาตวินยสูตร อังคุตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/161/168) ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเป็นที่ระงับความอาฆาตซึ่งเกิดขึ้นแก่ภิกษุโดยประการทั้งปวง ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ (1)ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญ เมตตาในบุคคลนั้น (2) ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณาในบุคคลนั้น (3) ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใดพึงเจริญอุเบกขาในบุคคลนั้น (4) ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงถึงการไม่นึกไม่ใฝ่ใจในบุคคลนั้น (5) ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตนให้มั่นในบุคคลนั้นว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นทายาท (ผู้รับผล) ของกรรมนั้น ดังนี้ ภิกษุพึงระงับความอาฆาต ในบุคคลนั้นด้วยประการฉะนี้”
ขอแผ่เมตตาจิตไปยังมวลมิตรร่วมโลก อย่าได้อาฆาตพยาบาทปองร้ายกันต่อไปอีกเลย โลกวุ่นวายมามากพอแล้ว ทำไมจะต้องมาสร้างความวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีกด้วยเล่า ตัวเราคนเดียวก็ต้องเผชิญกับความทุกข์มากพออยู่แล้ว โลกนี้น่าจะอยู่กันอย่างสันติสุขได้ ภายใต้ลัทธิความเชื่อที่แตกต่างกัน ใครจะมีแนวคิด มีความเชื่ออย่างไรก็ตามทีเถิด แต่อย่าคิดทำลายล้างซึ่งกันและกันเลย
ขอแสดงความเสียใจต่อฝรั่งเศส ขอไว้อาลัยแด่ปารีส ขออย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกเลย ผู้คนในโลกปัจจุบันเราก็ทุกข์ทรมานด้วยสิ่งต่างๆมากมายอยู่แล้ว เหตุไฉนไยต้องมาเพิ่มความทุกข์โศกแก่ญาติพี่น้องของผู้ที่สูญเสียเพิ่มขึ้นอีกด้วยเล่า
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
16/11/58
หมายเหตุ: ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต