ปัจจุบันดูเหมือนว่าโลกจะแคบลงทุกที เพราะความเจริญของเทคโนโลยีและการสื่อสาร แม้จะอยู่กันคนละขั้วโลก แต่เนื่องจากมีเครื่องมือที่ทันสมัยจึงทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้รวดเร็วทันใจเหมือนกับว่าโลกอยู่ในมือเรา เพียงแค่ยกโทรศัพท์เปิดเครื่องก็ติดต่อสื่อสารกันได้ทันที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขั้วโลกหนึ่งก็ส่งสารถึงกันได้ทันทีมีทั้งภาพและเสียงให้เห็นได้เหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์ เราจึงมักจะเห็นผู้คนกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับเครื่องโทรศัพท์มือถือของตน โดยไม่ได้สนใจจะพูดคุยสนทนากับคนอื่นๆที่อยู่ใกล้กันเลย อยู่ใกล้กันแต่กลับไปคุยกับใครอีกคนที่อยู่ห่างไกล จึงเหมือนกับอยู่กันคนละโลก โลกนี้กำลังถูกความเจริญครอบงำ กำลังถูกกลืนเข้าไปในสื่อสังคมออนไลน์ ที่สามารถติดต่อสื่อสารพูดคุยกันได้แม้จะอยู่ห่างไกล เคยถามคนที่รู้จักกันคนหนึ่งว่า ยังมีความสุขดีอยู่หรือ เขาคนนั้นเงยหน้าจากโทรศัพท์ก่อนจะหันมาตอบว่า มีความสุขพอประมาณ
ในสังคมที่เจริญรุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อยากได้อะไรก็ใช้เงินซื้อหามาได้ เครื่องไม้เครื่องมือที่เคยใช้หลายอันก็ถูกย่อส่วนให้อยู่ในอุปกรณ์เดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีขนาดเล็กพกพาได้สะดวก ถือด้วยมือข้างเดียว อยากติดต่อสื่อสารอะไรกับใครก็เพียงแต่กดโทรศัพท์ จากนั้นก็ส่งเสียง ภาพถ่ายไปยังผู้ที่ต้องการนั้นได้ทันที ชีวิตน่าจะมีความสุขมากขึ้น เพราะสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำแทบจะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
โทรศัพท์มือถือที่เคยเป็นอุปกรณ์ สื่อสารด้วยเสียง สมัยก่อนราคาแพงมาก จำได้ว่าสมัยที่มีโทรศัพท์มือถือใหม่ๆนั้นราคาค่อนข้างแพง และใช้ประโยชน์ได้เพียงอย่างเดียวตามชื่ออุปกรณ์นั่นคือใช้เป็นโทรศัพท์ หากจะถ่ายรูปก็ต้องซื้อกล้องอีกตัว เวลาถ่ายภาพก็ต้องคิดแล้วคิดอีก จะถ่ายภาพตามใจไม่ได้ เพราะฟิล์มหนึ่งม้วนมีเพียงสามสิบภาพ ถ่ายแล้วก็ต้องเข้าร้านถ่ายรูป ล้างอัดจึงจะได้เห็นภาพ หากอยากจะได้เครื่องบันทึกเสียงก็ต้องซื้ออีกเครื่องหนึ่ง หรือหากอยากจะฟังวิทยุก็ต้องมีอีกเครื่อง อุปกรณ์เหล่านั้นใช้ประโยชน์เพียงไม่กี่อย่าง
แต่ปัจจุบันทั้งกล้องบันทึกภาพ การบันทึกเสียง โทรศัพท์มาอยู่ในเครื่องเดียวกัน มีขนาดเล็กพกพาได้สะดวก ดูเหมือนว่าทุกคนคิดเร็วทำเร็ว แชร์ภาพ เสียงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ทันที ทุกคนจึงมักจะมีโลกส่วนตัว กดเครื่องโทรศัพท์กันได้ทุกที่ทุกเวลา จะไปไหนมาไหนจึงมักจะเห็นภาพของคนที่ก้มหน้าอยู่กับเครื่องโทรศัพท์ จนมีคำเรียกขานว่าปัจจุบันคือสังคมก้มหน้า อยู่ใกล้กันนั่งทำงานในห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะเดียวกัน ไม่ค่อยคุยกัน แต่กลับไปคุยกับใครอีกคนในโลกเสมือนจริง ซึ่งอยู่ที่ไหนไม่รู้ บางคนรู้จักเพียงชื่อเรียกขาน แต่ไม่รู้จักกันจริงๆก็มี
ดูเหมือนว่าทุกคนมีโลกส่วนตัวที่มักจะอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง บางคนบอกว่านั่นคือความสุขประการหนึ่ง เป็นความสุขที่เลือกเองภายใต้กรอบที่เจ้าของอุปกรณ์กำหนดมาให้ รอยยิ้มของคนไทยที่เคยเห็นในอดีตที่มักจะมีทักทายพูดคุยกัน ปัจจุบันเห็นคนยิ้มกับเครื่องโทรศัพท์แทน หากว่าการยิ้มคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความสุขแล้ว คนในยุคปัจจุบันก็คือผู้ที่มีความสุขพอประมาณ เพราะบางครั้งก็ยิ้ม บางครั้งก็หน้าบึ้ง บางครั้งก็หน้านิ่งคิ้วขมวด การกระทำเป็นสิทธิของแต่ละคน หากว่าการกระทำนั้นไม่ไปล่วงละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
มีเหตุการณ์มากมายหลายเรื่องที่เกิดขึ้นจากการนำเสนอภาพที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาให้รอบคอบ บาวงครั้งเรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่องก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เพียงเพราะมีการแชร์ภาพผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเมื่อกระจายออกไปแล้ว บางครั้งผู้ที่ยังไม่พิจารณาก็อาจจะเชื่อตามที่เห็น เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีภาพพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังกราบพระพุทธรูป แต่บังเอิญว่ามีสุนัขตัวหนึ่งนอนอยู่ใกล้ๆ มุมกล้องถ่ายภาพพระกับสุนัขแต่ไม่ถ่ายพระพุทธรูป เลยกลายเป็นว่าพระภิกษุรูปนั้นกำลังกราบสุนัข เมื่อเผยแพร่ภาพนั้นออกไปก็เกิดเป็นกระแสวิพากษ์ จนเกือบจะทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง
หากพึงพอใจในความสุขพอประมาณ ชีวิตก็พอดำเนินไปได้ แต่หากปรารถนาความสุขอันไพบูลย์ก็ต้องสละความสุขพอประมาณ ดังที่แสดงไว้ในปกิณณกวรรค ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท (25/31/53)ความว่า “ถ้าว่าปราชญ์พึงเห็นความสุขอันไพบูลย์ เพราะสละความสุขพอประมาณไซร้ เมื่อปราชญ์เห็นความสุขอันไพบูลย์ พึงสละความสุขพอประมาณเสีย ผู้ใดปรารถนาความสุขเพื่อตนด้วยการเข้าไปตั้งความทุกข์ไว้ในผู้อื่น ผู้นั้นระคนแล้วด้วยความเกี่ยวข้องด้วยเวร ย่อมไม่พ้นไปจากเวร”
แปลมาจากภาษาบาลีว่า “มตฺตาสุขปริจฺจาคา ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุขํ ฯ
ปรทุกฺขูปธาเนน โย อตฺตโน สุขมิจฺฉติ
เวรสํสคฺคสํสฏฺโฐ เวรา โส น ปริมุจฺจติ ฯ
ผู้คนในยุคที่การสื่อสารก้าวหน้ายังพอมีความสุขพอประมาณ หากว่าการกระทำนั้นไม่ก่อให้เกิดความทุกข์กับคนอื่น แต่ถ้าหากการกระทำนั้นทำให้เกิดความทุกข์แก่คนอื่นแล้ว ก็จะทำให้เกิดผลกระทบ เกิดจองเวรอย่างไม่สิ้นสุด จะทำสิ่งใดก็ตามทีเถิด จะหาความสุขจากสิ่งที่ตนพอใจที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน สิ่งนั้นก็ทำให้เกิดความสุขพอประมาณได้ มีความสุขก็ดีกว่ามีความทุกข์ รอยยิ้มย่อมดีกว่าเสียงร้องให้
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
22/12/57