น้ำเหนือกำลังบ่ามาแรง หลายจังหวัดกำลังถูกน้ำท่วม ปีนี้น้ำหลาก หลายคนยังหวั่นใจเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เหมือนปี พ.ศ. 2554 ที่เกิดน้ำท่วมหลายจังหวัดไล่มาจากนครสวรรค์ อยุธยา มาหยุดที่กรุงเทพมหานครและนนทบุรี น้ำท่วมขังอยู่นานหลายเดือน กว่าที่จะผ่านพ้นไปได้ก็ต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติไปมากมาย พอมีข่าวว่าน้ำกำลังจะท่วมจังหวัดอยุธยา ผู้ที่อาศัยอยู่กรุงเทพก็ต้องเตรียมพร้อมเพราะไม่อยากให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
แม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำมากมาหลายวันแล้ว เมื่อน้ำมากก็มีสิ่งที่ต่างๆลอยมาตามสายน้ำด้วยเช่นผักตบชวา กิ่งไม้ ท่อนไม้ที่ถูกกระแสน้ำพัดพามา วันหนึ่งมีธุระที่วัดมหาธาตุท่าพระจันทร์ ขากลับจึงนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามุ่งหน้าสู่ท่าน้ำนนทบุรีซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เพราะบนท้องถนนมักจะมีรถจำนวนมากทำให้รถติด ยิ่งวันไหนที่มีฝนตกด้วยก็เป็นที่คาดคะเนได้ล่วงหน้าว่าวันนั้นรถจะติดเป็นกรณีพิเศษ บางวันใกล้จะถึงวัดแล้ว แต่รถติดอยู่หน้าวัดนานเป็นชั่วโมง
เรือด่วนวิ่งทวนกระแสน้ำ บางครั้งก็ต้องคอยหลบผักตบชวาที่เคลื่อนตัวมากับสายน้ำ หรือบางครั้งอาจจะมีต้นไม้ใหญ่หักโค่นลอยมาตามน้ำด้วย เมื่อเห็นท่อนไม้ที่ลอยตามกระแสน้ำทำให้ย้อนคิดถึงชีวิตของมวลมนุษยชาติ ซึ่งไม่ต่างจากท่อนไม้เท่าใดนัก
กาลครั้งหนึ่งเคยนั่งเรือล่องแม่น้ำคงคาซึ่งแม้ว่าจะเป็นช่วงที่น้ำไม่มาก แต่ก็มีสรรพสิ่งล่องลอยตามท้องน้ำ มีทั้งเรือนักท่องเที่ยว เรือของชาวภารตะที่ร้องขายสินค้า เรือของชาวประมง และยังมีท่อนไม้ใบหญ้าหรือบางทีอาจจะมีซากศพที่เผาไหม้ไม่หมดลอยมาตามกระแสน้ำ ริมฝั่งก็ยังมีผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อตามลัทธิต่างอาบน้ำ บางคนกำลังไหว้แม่น้ำหรือไหว้พระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้ามองเห็นดวงกลมโต
ครั้งหนึ่งเหตุเกิดที่ฝั่งแม่น้ำคงคา พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ยกท่อนไม้ลอยน้ำเพื่อเป็นเหตุเพื่อแสดงธรรมดังที่มีปรากฎในทารุขันธสูตร สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค (18/322/223 ) ความว่า “สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคาแห่งหนึ่งพระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง อันกระแสน้ำพัดลอยมาริมฝั่งแม่น้ำคงคา แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายเห็นหรือไม่ ท่อนไม้ใหญ่โน้นอันกระแสน้ำพัดลอยมาในแม่น้ำคงคา” ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “เห็น พระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่อนไม้จะไม่เข้ามาใกล้ฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น จักไม่จมเสียในท่ามกลาง จักไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับเอาไว้ ไม่ถูกน้ำวนๆ ไว้ จักไม่เน่าในภายใน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังกล่าวมานี้แลท่อนไม้นั้นจักลอยไหลเลื่อนไปสู่สมุทรได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่ากระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคาลุ่มลาดไหลไปสู่สมุทรฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่านทั้งหลายจะไม่แวะเข้าฝั่งข้างนี้หรือฝั่งข้างโน้น ไม่จมลงในท่ามกลาง ไม่เกยบกไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนๆ ไว้ จักไม่เป็นผู้เสียในภายในไซร้ ด้วยประการดังกล่าวมานี้ ท่านทั้งหลายจักโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพานข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า สัมมาทิฐิย่อมโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพานก็ฉันนั้นเหมือนกัน”
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ฝั่งนี้ได้แก่อะไร ฝั่งโน้นได้แก่อะไร การจมลงในท่ามกลางได้แก่อะไร การเกยบนบกได้แก่อะไร มนุษย์ผู้จับคืออะไรอมนุษย์ผู้จับคืออะไร เกลียวน้ำวนๆ ไว้คืออะไร ความเป็นของเน่าในภายในคืออะไร”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ดูกรภิกษุ คำว่า “ฝั่งนี้” เป็นชื่อแห่งอายตนะภายใน 6 คำว่า “ฝั่งโน้น” เป็นชื่อแห่งอายตนะภายนอก 6
คำว่า “จมในท่ามกลาง” เป็นชื่อแห่งนันทิราคะ คำว่า “เกยบก” เป็นชื่อแห่งอัสมิมานะ
คำว่า “มนุษย์ผู้จับ” หมายถึงภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้คลุกคลี เพลิดเพลิน โศกเศร้า
อยู่กับพวกคฤหัสถ์ เมื่อเขาสุขก็สุขด้วย เมื่อเขาทุกข์ก็ทุกข์ด้วย ย่อมถึงการประกอบตนในกิจการอันบังเกิดขึ้นแล้วของเขา ดูกรภิกษุ นี้เรียกว่ามนุษย์ผู้จับ
คำว่า “อมนุษย์ผู้จับเป็นไฉน” ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ ปรารถนาเป็นเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่งว่า ด้วยศีล ด้วยวัตร ด้วยตบะหรือด้วยพรหมจรรย์นี้ เราจักได้เป็นเทวดาหรือเทพยเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ดูกรภิกษุนี้เรียกว่าอมนุษย์ผู้จับ
คำว่า “เกลียวน้ำวนๆ ไว้” เป็นชื่อแห่งกามคุณ 5
คำว่า “ความเป็นของเน่าในภายใน” หมายถึง ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารีเป็นผู้เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย ดูกรภิกษุ นี้เรียกว่าความเป็นผู้เน่าในภายใน”
เพียงเห็นท่อนไม้ลอยตามกระแสน้ำท่อนเดียว พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังนำมาเป็นอุทาหรณ์ในการแสดงธรรมได้อย่างลึกซึ้ง ย้อนกลับมาที่ตัวเราเองซึ่งปล่อยให้วันเวลาผ่านไป วัยและชราก็เริ่มจะมาเยือนแต่ทว่าก็ยังเป็นเหมือนท่อนไม้ที่กำลังลอยน้ำยังไม่รู้ว่าจะถูกกระแสน้ำพัดไปยังฝั่งโน้นหรือฝั่งนี้หรือว่าจะถูกเกลียวน้ำวนทำให้จมลงในท่ามกลางแห่งกระแสธารแห่งกาลเวลา
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
08/09/57