ไซเบอร์วนาราม.เน็ต

เว็บไซต์เพื่อพระพุทธศาสนา อารามหนึ่งบนโลกไซเบอร์

laithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithailaithai

            ฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันมีผลทำให้พื้นที่บางแห่งของกรุงเทพมหานครจมอยู่ใต้น้ำ การจราจรติดขัดไปทั่ว ชีวิตของคนที่อาศัยอยู่เมืองหลวงเป็นไปทำนองนี้ ฝนตกรถติด นั่นเป็นธรรมชาติที่มานานแล้ว  ครั้นจะย้ายไปอาศัยอยู่ในที่อื่น ก็เริ่มจะรู้สึกว่าอยู่มานานแล้ว เริ่มจะติดที่อยู่ การย้ายถิ่นฐานบ้านเรือนในยุคสมัยนี้มิใช่เรื่องง่ายนัก แม้แต่พระสงฆ์หากอยู่จำพรรษา ณ ที่ใดที่หนึ่งนานเข้าก็เริ่มจะรู้สึกว่าการย้ายวัดจำพรรษาก็มิใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน จึงจำเป็นต้องอยู่ต่อไปจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ที่เหมาะสมได้

            กสิกะ ชินากรณ์ อาจารย์หนุ่ม เดินฝ่าสายฝนแวะเข้ามาที่อาคารเรียนบัณฑิตวิทยาลัย ศาลายา นครปฐม ร่างกายบางส่วนเปียกฝน พอพบหน้าแทนที่จะปรารภเรื่องดินฟ้าอากาศเหมือนคนอื่นๆ กสิกะ กลับทักทายด้วยถ้อยคำที่คนถูกทักต้องสะดุ้ง “นมัสการครับหลวงตาฯ ได้ข่าวว่าตอนนี้รวยมาก มีเงินเป็นพันล้านเลยหรือครับ”
            เล่นถามคำถามแบบนี้ใครฟังก็ต้องสะดุ้ง อยากให้มีอยู่จริง แต่เมื่อไม่มีอยู่จริงก็ต้องก้มหน้าดำเนินชีวิตไปตามประสาของคนที่บังเอิญว่าไม่ได้เกิดมารวยหรือทำธุรกิจเพื่อความร่ำรวยไม่เป็น
            เมื่อกสิกะ เห็นหลวงตาฯนิ่งอึ้ง จึงบอกว่า “ช่วงนี้มีข่าวใหญ่สะเทือนวงการสงฆ์ครับ มีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่าเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งร่ำรวยมีเงินเป็นพันล้าน”

            “คงต้องติดตามข่าวสารต่อไป จะจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ หากมีอยู่จริงก็ต้องแจกแจงที่มาให้ประชาชนได้เข้าใจ อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจเชื่อ ต้องสอบสวนสืบสวนให้รอบคอบก่อน”
            กสิกะบอกว่า “การมีเงินมากๆดีนะครับ จะได้นำไปใช้อย่างสะดวกสบาย”
            หลวงตาฯจึงบอกว่าก็ไม่แน่เสมอไป การมีเงินมากหรือมีทรัพย์สมบัติมากอาจจะไม่ได้ทำให้เจ้าของเงินมีความสุขก็ได้ เพราะบางทีทรัพย์นั้นอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง พระพุทธเจ้ายังเคยแสดงแก่พระอานนท์ว่าเงินคืออสรพิษ ดังที่ปรากฏในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 1 ภาค 2 ตอน 2  หน้าที่ 200   มีข้อความตอนหนึ่งว่า “ครั้งหนึ่งพระศาสดามีพระอานนทเถระเป็นปัจฉาสมณะ   ได้เสด็จไปยังนาของชาวนาคนหนึ่ง  เมื่อชาวนาเห็นพระศาสดาจึงไปถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วเริ่มไถนาต่อไป  พระศาสดาไม่ตรัสอะไรกับชาวนาคนนั้น  แต่เสด็จไปยังที่ ๆ ถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่งตกอยู่  เมื่อทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว  จึงตรัสกะพระอานนท์เถระว่า   “อานนท์  เธอเห็นไหมอสรพิษ”   พระอานนท์เถระทูลว่า  “เห็น  พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย”

            ทรัพย์ที่มีราคาพันหนึ่งในสมัยนั้นคงมากโขอยู่ สาเหตุมาจากโจรกลุ่มหนึ่งลักทรัพย์ชาวบ้าน  พากันเดินผ่านที่นาของชาวนา บังเอิญทำถุงทรัพย์พันหนึ่งตกไว้ในที่นาของชาวนาคนนั้น แต่ชาวนาไม่ทราบเรื่องยังคงไถนาต่อไป ภายหลังชาวนาถูกจับได้จำนนต่อหลักฐาน จึงได้อ้างอิงพระดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสกับพระอานนท์ว่า “อานนท์ เห็นไหมอสรพิษ” และได้พ้นจากการถูกประหารชีวิตเพราะอาศัยถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าสนทนากับพระอานนท์เป็นพยานหลักฐาน
            ทรัพย์สินเงินทองเปรียบเหมือนอสรพิษ จึงควรแสวงหาในทางสุจริตและใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ในโภคสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต (22/227/267)ได้แสดงโทษของโภคทรัพย์ไว้ความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษในเพราะโภคทรัพย์ห้าประการนี้ คือ(1) โภคทรัพย์เป็นของทั่วไปแก่ไฟ (2) เป็นของทั่วไปแก่น้ำ (3) เป็นของทั่วไปแก่พระราชา (4) เป็นของทั่วไปแก่โจร (5) เป็นของทั่วไปแก่ทายาทผู้ไม่เป็นที่รัก”

           ในทางตรงกันข้ามหากโภคทรัพย์นั้นได้มาด้วยวิธีที่สุจริต  และใช้จ่ายตามสมควรย่อมมีอานิสงส์ดังที่แสดงไว้ในสูตรเดียวกัน มีข้อความว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ในเพราะโภคทรัพย์ห้าประการนี้คือ(1) เพราะอาศัยโภคทรัพย์ บุคคลจึงเลี้ยงตนให้เป็นสุข เอิบอิ่มบริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ (2) เลี้ยงมารดาบิดาให้เป็นสุข เอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ (3) เลี้ยงบุตรภรรยา คนใช้ คนงาน และบริวารให้เป็นสุขเอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ (4) เลี้ยงมิตรและอำมาตย์ให้เป็นสุขเอิบอิ่ม บริหารให้เป็นสุขได้โดยชอบ (5) ย่อมบำเพ็ญทักษิณาทานที่มีผลเลิศเป็นทางสวรรค์ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อสวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย”
            กสิกะ ชินากรณ์ บอกว่า “วันนี้แม้จะยังไม่ได้คำตอบว่าเจ้าอาวาสรูปนั้นมีทรัพย์สมบัติเป็นมูลค่าพันล้านตามที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวหรือไม่ แต่ผมก็ได้รู้ว่าทรัพย์สินเงินทองเปรียบเหมือนอสรพิษร้ายที่พร้อมจะแว้งกัดผู้ครอบครองได้ทุกเมื่อ พร้อมที่จะเสื่อมสิ้นไปด้วยอันตรายทั้งหลายทั้งไฟไหม้ น้ำท่วม ถูกยึดทรัพย์ ถูกโจรปล้นและทายาทที่ไม่เอาถ่านคอยผลาญสมบัติบรรพบุรุษ อีกอย่างหนึ่งการใช้จ่ายทรัพย์ที่ควรจะเป็น หากเลือกได้หลวงตาอยากมีเงินหรือไม่อยากมีครับ”

            หลวงตาฯ “มีไว้ดีกว่าไม่มี แต่อย่ามีให้มากนักมันเป็นอันตราย  มีมากก็ต้องคอยกังวล ต้องมีความทุกข์มากเวลาที่ทรัพย์นั้นเสื่อมไป แต่ไม่มีเลยก็คงไม่ดี เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน ต้องมีเงินไว้จ่ายค่ารถในการเดินทาง ปัจจุบันเขาไม่ได้ให้นั่งรถฟรี ค่าแท็กซี่ก็ต้องจ่ายตามมิเตอร์ คนขับบางคนจ่ายไม่ครบไปสองบาทยังต้องทวงถามเลย” 
            กสิกะ บอกว่า “สำหรับผมแล้ว ในความฝันผมอยากมีเงินมากๆ ร่ำรวยเป็นเศรษฐีจะได้ใช้จ่ายให้หนำใจ แต่ทว่าในความเป็นจริงยังคงเป็นมนุษย์เงินเดือนคือมีเงินพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน ว่าแต่ว่าตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนแล้ว เงินหมดพอดีหลวงตาฯพอจะมีให้ผมยืมสักพันบาทไหมครับ”

            หลวงตาฯก็กำลังรอโอกาสจะเอ่ยปากยืมเงินกสิกะ ชินากรณ์อยู่เช่นเดียวกัน  แต่เมื่อกสิกะเอ่ยปากยืมเงินก่อนก็ต้องสงเคราะห์ตามมีตามได้ หากมีเงินมากก็เหมือนเลี้ยงอสรพิษไว้หลายตัว พร้อมที่จะฉกกัดได้ทุกเมื่อ ตอนนั้นมีเงินอยู่พันบาทจึงบอกกับกสิกะว่า "แบ่งกันคนละครึ่งก็แล้วกัน เพราะอาตมาก็ต้องมีไว้จ่ายค่ารถแท็กซี่กลับวัดเหมือนกัน"
 

 

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน
28/08/57

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

กองธรรมสนามหลวง

กองบาลีสนามหลวง

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

กรมการศาสนา

มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

บัณฑิตวิทยาลัย  มมร

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธ)

เว็บไชต์นักศึกษาปริญญาเอก สาขาพุทธศาสน์ศึกษา มมร

 

วัดไทย

เว็บวัดในประเทศไทย

วัดไทยในต่างประเทศ

คณะสงฆ์ธรรมยุตUSA

 วัดป่าธรรมชาติ LA

พระคุ้มครอง

วัดธรรมยุตทั่วโลก

 

ส่วนราชการในประเทศไทย

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ส่วนราชการในประเทศไทย

กระทรวงในประเทศไทย

 

หนังสือพิมพ์ไทย

ไทยรัฐ
เดลินิวส์
มติชน
ผู้จัดการ
กรุงเทพธุรกิจ
คม ชัด ลึก
บ้านเมือง
ข่าวสด
ฐานเศรษฐกิจ
ประชาชาติธุรกิจ
สยามกีฬา
แนวหน้า
โพสต์ทูเดย์
ไทยโพสต์
สยามรัฐ
สยามธุรกิจ
บางกอกทูเดย์

 

ข่าวภาษาต่างประเทศ

ข่าว CNN

ข่าว BBC

Bangkok Post

The Nation

หนังสือพิมพภาษาต่างประเทศ

เมนูสมาชิก