พุทธคยาต้นเดือนเมษายนอากาศกำลังร้อนระอุ เป็นช่วงสุดท้ายของการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ(ธรรมยุต) รุ่นที่ 20/2557 และจะต้องเดินทางกลับประเทศไทยที่อากาศคงร้อนมาก เสร็จงานในหน้าที่แล้วตอนนั้นยังไม่อยากกลับเมืองไทย จึงสอบถามเพื่อนพระภิกษุที่จำพรรษาที่พุทธคยาว่ามีสถานที่แห่งไหนบ้างที่อินเดียที่มีอากาศหนาวเย็นหรือยังมีหิมะตกปกคลุมพื้นที่บ้าง อยากหนีร้อนไปพึงเย็น เพื่อนพระภิกษุเสนอว่ามีหลายที่เช่นมนาลี ธัมมศาลา โคมุข เลย์ ลาดัก สถานที่ที่น่าไปที่สุดในช่วงเวลานี้คือศรีนาคา รัฐจัมมูแคชเมียร์ ต้นไม้กำลังผลัดใบ อากาศหนาวเย็น บนยอดเขาสูงหิมะยังตกหนัก
เมื่อดูเวลาที่พอมีอยู่จึงตัดสินใจหนีร้อนจากพุทธคยาไปสัมผัสอากาศเย็นที่ศรีนาคา ซึ่งเมืองนี้มีประวัติเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในอดีต เมื่อครั้งที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ พระโสณะและพระอุตตระเดินทางมายังสุวรรณภูมิ จนกระทั่งสามารถตั้งพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิได้ ซึ่งปัจจุบันคือประเทศไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเชียบางส่วนนั้น มีสายหนึ่งที่พระสมณทูตเดินทางไปยังแคว้นคันธาระหรือปัจจุบันคือจัมมูแคชเมียร์ โดยมีพระมัชฌันติกะเถระเป็นหัวหน้า แต่ไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในแคว้นแคชเมียร์ให้ได้ศึกษามากนัก นอกจากลามะที่เลย์และลาดักซึ่งก็อยู่ในรัฐจัมมูแคชเมียร์
มีเรื่องตำนานเล่าขานบันทึกไว้ในธรรมบทอีกเรื่องหนึ่งคือ “สระอโนดาต” ซึ่งสุมนสามเณรลูกศิษย์ของพระอนุรุทธะเถระ ไปนำน้ำจากสระแห่งนี้มาผสมปรุงยาให้กับพระอนุรุทธะ สระแห่งนี้มีพระยานาคราชนามว่าปุนนกะรักษาอยู่ สุมนสามเณรต้องต่อสู้กับพระยานาค ทรมานพระยานาคจนสามารถนำน้ำจากสระอโนดาดมาได้ สระอโนดาตไม่ได้ระบุสถานที่ว่าอยู่ที่ไหน มีหลายคนเข้าใจว่าสระแห่งนี้อยู่ที่เมืองศรีนาคา แคชเมียร์ ซึ่งมีทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่งชื่อ “ทะเลสาบดาล” ตั้งอยู่กลางเมืองศรีนาคา
ชาวเมืองศรีนาคาเชื่อกันว่าทะเลสาบดาลแห่งนี้มีพระยานาคอาศัยอยู่ แม้ชื่อเมืองก็มาจากนามของพระยานาค ศรีนาคา จึงหมายถึง เมืองที่มีพระยานาคเป็นศรีสง่าแห่งเมือง บางแห่งยังมีผู้สักการะเคารพบูชาพญานาคเป็นเหมือนเทพเจ้าองค์หนึ่งทำหน้าที่ปกปักรักษาทะเลสาบดาลและเมืองศรีนาคา
แคชเมียร์ในอดีตมีข่าวคราวไฟสงครามการต่อสู้แบ่งแยกดินแดนจากอินเดียมายาวนาน จึงไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปเยือน แม้จะได้รับการเล่าขานว่าแคชเมียร์เป็นเหมือนสวรรค์บนโลกมนุษย์ เพราะมีพื้นที่ที่งดงามเต็มไปด้วยทะเลสาบ ภูเขา ป่าไม้ บางพื้นที่ยังมีหิมะปกคลุมบนยอดเขา อากาศจึงหนาวเย็น แต่เมื่อไม่นานมานี้การสู้รบได้บรรเทาเบาบางลง และแคชเมียร์ก็ได้ผนึกรวมเป็นรัฐหนึ่งของอินเดียภายใต้ชื่อว่า “รัฐจัมมูและแคชเมียร์” และได้เปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปทัศนาภูมิทัศน์อันงดงามที่ได้รับการขนานนามว่า “สวรรค์บนโลกมนุษย์”
การเดินทางไปยังจัมมูแคชเมียร์มีทางเลือกหลายทาง ทางแรกโดยเครื่องบินจากเดลีไปที่เมืองศรีนาคาใช้เวลาในการเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด ทางที่สองโดยรถไฟไปลงที่สถานีรถไฟจัมมูตาวี ใช้เวลาในการเดินทางหนึ่งคืนเต็มๆ และจะต้องเดินทางต่อไปยังศรีนาคาเมืองหลวงของแคชเมียร์ โดยมีทางเลือกหลายทาง หากเหมารถสี่ล้อก็จะตกประมาณสี่พันรูปีต่อวัน หรือหากจะร่วมเดินทางกับคนอื่นก็ต้องรอให้คนเต็มคันรถประมาณเจ็ดแปดคน ช่วยกันจ่ายค่ารถคนละ 700-800 รูปี หากเป็นการเดินทางปกติก็ใช้เวลาเดินทาประมาณสิบสองชั่วโมง
ผู้เขียนกับคณะพระภิกษุรวมสี่รูปเลือกวิธีเดินทางโดยเครื่องบินจากเมืองคยาไปยังเมืองเดลี และโดยสารรถไฟจากเดลีไปยังเมืองจัมมู และโดยสารรถยนต์จากจัมมูไปยังเมืองศรีนาคานครหลวงแห่งแคว้นแคชเมียร์ ใช้เวลาเดินทางตามสะดวกไม่รีบร้อน เพราะไปกันเอง มีพระภิกษุที่จำพรรษาที่พุทธคยาทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง พักเดลีหนึ่งคืนที่วัดโภคัลพุทธวิหาร ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ปัจจุบันมีพระอาจารย์จันดีจากวัดสังฆทาน เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาส
ใช้บริการรถไฟความเร็วสูงจากสถานีรถไฟเดลีไปยังสถานีจัมมูตาวี ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบสองชั่วโมงจากเย็นถึงเช้า สถานีรถไฟจัมมูตาวีในยามเช้า อากาศกำลังเย็นสบายมีหมอกลงบางๆ สะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามเช้ามองดูเหมือนเงาสลัว มีคนขับรถหลายประเภทเข้ามาทักทาย พร้อมทั้งเสนอเงื่อนไขในการเดินทางต่างๆนานา วันนั้นได้เลือกวิธีเช่ารถเหมาคันในอัตราวันละสี่พันรูปี คนขับรถชื่อมาซูเป็นคนเมืองศรีนาคา นับถือศาสนาอิสลาม มีความเป็นกันเองมาก แม้ว่าจะต้องขับรถให้พระภิกษุในพระพุทธศาสนาก็ตามที การทำธุรกิจหากคำนึงในเรื่องของศาสนาก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ศาสนาและธุรกิจไม่ควรนำมาเกี่ยวข้องกัน
ฝนเริ่มลงเม็ดตั้งแต่รถเคลื่อนจากสถานีรถไฟจัมมูตาวี ตอนนั้นกำลังเถียงกันอยู่ว่าคำว่า “Tavi” ในภาษาอังกฤษนั้นอ่านออกเสียงอย่างไร “เป็นตาไว ตาวิ หรือตาวี”กันแน่ แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ พอหันไปถามคนขับรถก็บอกว่า ผมไม่ใช่คนเมืองนี้ แต่เคยได้ยินคนเมืองนี้อ่านว่า “ตาวี” มาจากชื่อแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งของเมืองจัมมู
พอออกจากเมืองจัมมูฝนก็ตกหนักลงเรื่อยๆ ถนนคดเคี้ยวเลี้ยวลด บางครั้งลื่นไถล ไม่มีใครกล้านอนหลับ เพราะเกรงว่ากลัวจะหลับไม่ตื่น ถนนลื่นอย่างนี้หากคนขับไม่ชำนาญเส้นทางอาจจะถลาหล่นลงเหวได้ง่ายๆ ชีวิตมนุษย์แม้จะแสนสั้น แต่สำหรับวันเวลาที่เหลืออยู่ก็ยังอยากจะสัมผัสความงามของสถานที่และซึมซับรับเอาบรรยากาศแห่งความงดงามไว้ให้มากที่สุด
ฝนตกรถติดไม่ได้มีที่กรุงเทพเพียงแห่งเดียว ที่เส้นทางจากจัมมู-ศรีนาคา ก็มีสภาพไม่ต่างกัน ฝนตกลงมาอย่างหนักจนภูเขาบางช่วงมีโคลนดินถล่มลงมาเป็นเหตุให้รถติดยาวเหยียดนานกว่าสามชั่วโมง ต้องทนนั่งอยู่ในรถ เพราะข้างนอกฝนยังตก ได้ยินเสียงน้ำไหลและโคลนถล่มอยู่เป็นระยะๆ จึงได้ทำใจยอมรับสภาพจะไปข้างหน้าก็ไม่ได้ จะถอยก็ไม่ได้ สภาพแบบนี้อึดอัดที่สุด ธรรมชาติไม่ได้มีแต่ความงดงามอย่างเดียว แต่ยังแฝงความโหดร้ายอยู่ด้วย เผลอเมื่อไหร่รถอาจจะเลื่อนไหลตกเหวได้ทันที
ถึงเมืองศรีนาคาเวลาเกือบเที่ยงคืน อากาศหนาวมาก โชคดีทีได้จองที่พักไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว พอเดินทางไปถึงก็หลับได้ทันที หลับในสภาพอากาศหนาวต่ำกว่าสิบห้าองศา ร่างกายยังปรับตัวไม่ทันเกือบทิ้งชีวิตไว้ที่ศรีนาคาก่อนที่จะได้ทัศนาความงามของเมืองที่ได้รับสมญานามว่าสวรรค์เป็นโลกมนุษย์
เดือนเมษายนที่เมืองไทยอากาศร้อนมาก พุทธคยา อินเดีย สถานที่รตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก็ไม่แตกต่างกัน แต่ที่ศรีนาคา แคชเมียร์อากาศหนาวเหน็บถึงสิบองศาและภูเขาบางแห่งยังมีหิมะปกคลุม อุณภูมิติดลบต่ำกว่าศูนย์องศา เมษายนปีนี้จึงเหมือนกับหนีอากาศที่เมืองไทย มาพึ่งอากาศเย็นที่ศรีนาคา รัฐจัมมูแคชเมียร์ ประเทศอินเดีย
พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
23/04/57